2 คืน 3 วัน ในพื้นที่สึการุ [Base! โทโฮคุ]

แผนที่พื้นที่ 青森県 岩手県 宮城県 秋田県 山形県 福島県 新潟県

ทริปโลดโผนที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับหลากหลายวิธี ตั้งแต่ภูเขาชิราคามิที่เป็นมรดกโลกไปจนถึงฮิโรซากิที่มีสถาปัตยกรรมย้อนยุคอันงดงาม

โปรดเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของพื้นที่สึการุอันกว้างใหญ่

เริ่มต้น
วันที่ 1

สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)

เพลิดเพลินไปกับหอคอยและปราสาทฮิโรซากิที่ยังเหลืออยู่ และความงดงามตลอดทั้งสี่ฤดูกาล

สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)
 ปราสาทฮิโรซากิซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1611 เปิดให้เป็น "สวนสาธารณะฮิโรซากิ" ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1895 นับแต่นั้นเป็นต้นมาประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมายก็ได้รับความเพลิดเพลินจากสวนแห่งนี้
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ


ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน,  และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น


นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง  เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล

สวนแอปเปิล เมืองฮิโรซากิ

 สวนแอปเปิล เมืองฮิโรซากิ
สวนแอปเปิลมีเนื้อที่ประมาณ 9.7 เฮกตาร์ มีต้นแอปเปิลมากถึง 80 สายพันธุ์ รวม 2,300 ต้น นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การเก็บแอปเปิล และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่คุณจะได้เพลิดเพลินกับแอปเปิลรสเลิศ อันเป็นความพิเศษที่มีเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกที่มีชื่อเสียงเท่านั้น
สามารถสัมผัสประสบการณ์เก็บแอปเปิลในสวนได้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม-ถึงกลางเดือนพฤศจิกายน รสชาติแอปเปิลที่เก็บสดๆ จากต้นนั้นช่างยอดเยี่ยม! ช่วงเวลาที่เก็บได้ขึ้นอยู่กับสภาพการเจริญเติบโตของแอปเปิล จึงควรตรวจสอบล่วงหน้า สามารถเดินเล่นไปตามเส้นทางเดินในสวนและเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาอิวากิที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสวนแอปเปิลได้อีกด้วย
ที่ร้าน "ริงโกะ โนะ อิเอะ" มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับแอปเปิลราว 1,200 รายการ รวมถึงงานฝีมือท้องถิ่นดั้งเดิมที่ทำเป็นลวดลายแอปเปิล และขนมรสแอปเปิล เป็นต้น ที่มุมของว่าง สามารถลิ้มรสแกงกะหรี่แอปเปิล แอปเปิลซันเดย์ ไซเดอร์ และอาหารอื่นๆ ที่ทำจากแอปเปิล  และการฟังเรื่องราวการผลิตไซเดอร์ที่ "ฮิโรซากิ ไซเดอร์ โคโบ  kimori" ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำ
นอกจากนี้ยังมีลานกว้างพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็ก พื้นที่ไว้นั่งปิกนิก และอื่นๆ จึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับพาครอบครัวมาพักผ่อน
ภายในสวนยังมี "บ้านเก่าโคยามาอุจิ" บ้านเก่าของชาวสวนที่ได้รับการย้ายและนำมาสร้างขึ้นใหม่ ภายในมีการจัดแสดงอุปกรณ์ทำสวนในสมัยก่อน และในวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤศจิกายน จะมี การจัดกิจกรรม "สึงารุ มุกาชิ โนะ โมโนกาตาริ" การเล่านิทานพื้นบ้านที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณด้วยภาษาถิ่น

ภูเขานากาโนะโมมิจิ

ภูเขานากาโนะโมมิจิ
ป่านากาโนะโมมิจิเป็นป่าที่ผู้ครองแคว้นฮิโรซากิย้ายต้นเมเปิ้ล (คาเอเดะและโมมิจิ) ที่สั่งซื้อจ่ายเกียวโตมาปลูกไว้ที่นี่ ในเวลากลางวันจะให้บรรยากาศที่ใบไม้แดงกับลำธารสอดประสานกันราวกับเป็นโลกแห่งบทกวี ในเวลากลางคืนจะมีการเปิดไฟให้แสงสีสร้างบรรยากาศราวกับโลกแห่งความฝัน

บ่อน้ำพุร้อนโออิราเสะเคริว

บ่อน้ำพุร้อนโออิราเสะเคริว
วันที่ 2

ชิราคามิซันจิ

มรดกโลกที่ควรไปเยือนสักครั้ง วิวป่าบีชดงดิบและสระน้ำสีน้ำเงินแก่ที่สวยงามไร้ที่เปรียบ

ชิราคามิซันจิ
เทือกเขาชิระคะมิซังจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (สาขาธรรมชาติ) และเป็นเขตภูเขาซึ่งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดอะโอะโมะริถึงอะคิตะ มีป่าบีชดงดิบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ 17,000 เฮกตาร์ (170 ตารางกิโลเมตร) จากศูนย์กลางป่าดงดิบพื้นที่ 130,000 เฮกตาร์ (1,300 ตารางกิโลเมตร) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ แม้การเดินเล่นภายในเขตมรดกโลกจะยากลำบาก แต่บริเวณรอบข้างมีทางเดินเล่นต่างๆ เตรียมไว้ให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ดูสง่างามของเทือกเขาชิระคะมิซังจิ
หนึ่งในนั้นคือ “เส้นทางเดินเล่นทะเลสาบจูนิ” ที่เป็นเส้นทางยอดนิยมให้ดื่มด่ำกับธรรมชาติสวยๆ เช่น “สระน้ำอะโอะอิเคะ” ที่มีสีน้ำเงินแก่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีวนรอบโดยเริ่มต้นจาก “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” ไป “สระน้ำเคโตบะโนะอิเคะ” “สระน้ำอะโอะอิเคะ” “ป่าบีชธรรมชาติ” “สระน้ำวาคิสึโบะโนะอิเคะ” และ “สระน้ำโอจิคุจิโนะอิเคะ” ผิวน้ำใสสีน้ำเงินของสระน้ำอะโอะอิเคะที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางนี้มีความงามจนทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะโดนดูดเข้าไป กล่าวกันว่าวิธีการชมการแตกต่างไปตามฤดูกาล และช่วงน่าชมจะเป็นเดือนเมษายน - สิงหาคมที่มุมของแสงแดดค่อนข้างสูง
พักผ่อนที่ “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” หลังเดินเล่นเสร็จ สามารถเพลิดเพลินกับอาหารว่างและซื้อของฝากได้ ขอแนะนำน้ำผลไม้หรือซุปข้นที่ทำจาก “แครอทฟุคาอุระยุคิ” ซึ่งมีเฉพาะในเทือกเขาชิระคะมิซัง
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่จะเพลิดเพลินได้แม้แต่มือใหม่อยู่มากมาย เช่น เส้นทางไปกลับ 20 นาทีจากสันเขาสึกะรุซึ่งจะได้เห็น “มาเธอร์ทรี” อายุ 400 ปี และเส้นทางเดิน 15 นาทีจากลานจอดรถที่จะได้เห็นวิวสวยๆ ของ “น้ำตกคุโรคุมะโนะทาคิ” ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “ร้อยอันดับน้ำตกของญี่ปุ่น”

อะโออิเคะ (สระสีฟ้า)

สีน้ำเงินน่าพิศวงที่เหมือนกับจะดูดคุณเข้าไปซึ่งมองเห็นได้จากมรดกโลกอย่างเทือกเขาชิระคะมิซัง

อะโออิเคะ (สระสีฟ้า)
สระน้ำอะโอะอิเคะอยู่ในมรดกโลกอย่างเทือกเขาชิระคะมิซังและมีชื่อเสียงจากน้ำสีน้ำเงินเข้มสดใสที่ส่องประกาย และละแวกใกล้เคียงยังมีป่าบีชดงดิบขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ 17,000 เฮกตาร์ (170 ตารางกิโลเมตร) จากศูนย์กลางป่าดงดิบพื้นที่ 130,000 เฮกตาร์ (1,300 ตารางกิโลเมตร) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ แม้การเดินเล่นภายในเขตมรดกโลกจะยากลำบาก แต่บริเวณรอบข้างมีทางเดินเล่นต่างๆ เตรียมไว้ให้คุณได้สัมผัสกับธรรมชาติผืนใหญ่ดูสง่างามของเทือกเขาชิระคะมิซังแห่งนี้
“เส้นทางเดินเล่นทะเลสาบจูนิ” ไปสระน้ำอะโอะอิเคะก็เป็นหนึ่งในนั้น ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีวนรอบโดยเริ่มต้นจาก “ศูนย์สินค้าแห่งป่า เคียวโรโระ” ไป “สระน้ำเคโตบะโนะอิเคะ” “สระน้ำอะโอะอิเคะ” “ป่าบีชธรรมชาติ” “สระน้ำวาคิสึโบะโนะอิเคะ” และ “สระน้ำโอจิคุจิโนะอิเคะ” ผิวน้ำใสสีน้ำเงินของสระน้ำอะโอะอิเคะที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางนี้มีความงามจนทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะโดนดูดเข้าไป กล่าวกันว่าวิธีการชมจะแตกต่างไปตามฤดูกาล และช่วงน่าชมจะเป็นเดือนเมษายน - สิงหาคมที่มุมของแสงแดดค่อนข้างสูง
น้ำใสจนมองเห็นต้นไม้ที่ล้มอยู่ก้นสระน้ำแต่ก็กลับมีสีน้ำเงินชัดเจนราวกับน้ำหมึกหก ทำไมถึงกลายเป็นสีแปลกประหลาดแบบนี้ได้กัน แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีหลักการอธิบายชัดเจน จึงอยากขอเชิญคุณมาพิสูจน์สีน้ำเงินแสนพิศวงที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้วยตาของคุณเองให้ได้

โคะกะเนะซะกิ ฟุโระฟุชิออนเซ็น

เปิดโล่งขั้นสุด! บ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเล

โคะกะเนะซะกิ ฟุโระฟุชิออนเซ็น
การลงแช่บ่อออนเซ็นกลางแจ้งซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลนั้นจะให้ความเปิดโล่งแบบสัมผัสไม่ได้จากที่อื่น! เวลาที่อยากแนะนำที่สุดคือช่วงพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้ากว้างใหญ่ตรงหน้าจะค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีแดงและดวงอาทิตย์สีแดงฉานก็จะจมลงไปในเส้นขอบฟ้าช้าๆ การได้แช่น้ำพลางชมวิวงดงามเช่นนี้ถือเป็นช่วงเวลาอันหรูหราเป็นอย่างยิ่ง ออนเซ็นเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าได้ถึงบ่าย 4 โมงซึ่งพระอาทิตย์ยังอยู่สูง ดังนั้นหากต้องการสัมผัสความหรูหราแบบนี้จะต้องค้างคืนเท่านั้น อาหารค่ำที่อัดแน่นไปด้วยอาหารทะเลซึ่งจับมาจากทะเลใกล้ๆ นั้นก็เป็นอีกหนึ่งของความเพลิดเพลินเช่นกัน
นอกจากบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปน้ำเต้าแบบรวมชายหญิงแล้ว ยังมีบ่อแช่น้ำกลางแจ้งรูปวงกลมสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะอีกด้วย เมื่อรวมบ่อแช่น้ำในร่มแยกชายหญิงด้วยแล้วจะมีบ่อแช่น้ำทั้งหมด 4 แห่ง และแน่นอนว่าทุกแห่งเป็นระบบมีน้ำพุร้อนธรรมชาติ 100% ไหลลงมาเติมตลอด
ชื่อของ “ฟุโระฟุชิออนเซ็น” ตั้งมาจากคำกล่าวว่า “หากมาดูแลสุขภาพที่นี่แล้วจะไม่แก่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย” น้ำพุร้อนเป็นสีน้ำตาลแดงเข้มถึงขนาดมองไม่เห็นก้นบ่อเพราะในน้ำพุร้อนมีธาตุเหล็กอยู่นั่นเอง น้ำพุร้อนสีน้ำตาลแดงที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและเกลือจะเย็นยากและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้ถึงภายใน
วันที่ 3

ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ

ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ
""ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ"" มีเพิงผาหินทอดตัวต่อเนื่องกันเป็นพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ที่ว่ากันว่านานมาแล้วมีท่านชายได้ปูเสื่อทาทามิหลายผืนซ้อนกันจนนับไม่ถ้วนแล้วจัดงานเลี้ยง ภาพรูปร่างหินแปลกตาที่ถูกตั้งเป็นชื่อต่างๆ เช่น หินเอบิสึ หินคาบุโตะ เรียงตัวต่อเนื่องกันเป็นสายไปตามชายฝั่งเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เป็นฉากที่ทำให้รู้สึกมหัศจรรย์ใจราวกับได้ไปลงจอดอยู่บนดาวดวงอื่น ในยามพลบค่ำก็จะเกิดเป็นภาพเงาของหินที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยมีพระอาทิตย์ตกดินเป็นฉากหลัง และยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดิน รวมทั้งยังได้รับเลือกให้เป็น ""หนึ่งในร้อยพระอาทิตย์ตกดินที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น""ในฤดูร้อนก็จะเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในการมาเดินเล่นชายหาดและและเล่นน้ำทะเล ใกล้ๆ กันมีร้านขายปลาหมึกย่าง ภาพของปลาหมึกจำนวนมากที่ถูกตากเอาไว้ราวกับผ้าม่านก็เป็นวิวที่มีความเฉพาะตัวเช่นกันชายฝั่งเซ็นโจจิกิอยู่ใกล้กับสถานีเซ็นโจจิกิของรถไฟด่วน ""รีสอร์ทชิราคามิ"" สายโกะโนแค่เพียงข้ามถนนก็ถึงทันที ซึ่งที่นี่เป็นสถานีที่ไม่มีคนอยู่ ไม่มีทั้งตัวอาคารของสถานีหรือกำแพง มีรถไฟบางขบวนที่จะหยุดรถให้ประมาณ 15 นาทีเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินเล่น ควรตรวจสอบตารางเวลาเดินรถให้ดี เสียงหวูดรถไฟที่ดังเป็นสัญญาณไม่กี่นาทีก่อนออกรถอาจจะชวนให้รู้สึกเหงาระหว่างเดินทางได้

(จังหวัดอะโอโมริ เมืองสึรุตะ) สะพานสึรุโนะไม

สะพานไม้โค้งสามช่วงที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น

(จังหวัดอะโอโมริ เมืองสึรุตะ) สะพานสึรุโนะไม
สะพานสึรุโนะไม เป็นสะพานไม้ทรงโค้งสามช่วงที่ยาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1994 เหนือทะเลสาบสึการุ ฟูจิมิ ซึ่งสะท้อนเงาอันงดงามสูงตระหง่านของภูเขาอิวากิลงบนพื้นผิวของทะเลสาบได้อย่างสวยงามสะพานทรงโค้ง 3 ช่วงเรียงต่อกัน ความยาวรวมทั้งหมด 300 เมตร โครงสร้างให้ความรู้สึกอบอุ่น อีกทั้งยังเป็นสื่อสัญลักษณ์แทนเมืองสึรุตะ และถิ่นอาศัยของนกกระเรียนกับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นที่รักของผู้คนมากมาย
ว่ากันว่าลักษณะของสะพานสึรุโนะไมที่มีฉากหลังเป็นภูเขาอิวากินั้น ดูคล้ายกับนกกระเรียนที่บินอยู่บนท้องฟ้า และกล่าวกันว่าการข้ามสะพานจะช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้นภาพเงาของสะพานที่สะท้อนลงบนผิวทะเลสาบในยามรุ่งสาง และสะพานสึรุโนะไมกับวิวทะเลสาบที่ถูกย้อมสีสันในช่วงพระอาทิตย์ตกดินนั้นงดงามมาก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนในทุกฤดูกาล และได้กลายเป็นสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนมากมายที่รักในการถ่ายภาพ
ในช่วงฤดูหนาว จะมีการกำจัดหิมะออกจากสะพานและเส้นทางเดินเล่นต่าง ๆ จึงทำให้สามารถเดินผ่าน และเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ได้*อาจมีการปิดการจราจรในกรณีที่สภาพอากาศเลวร้าย เช่น มีพายุหิมะจนไม่ทัศนวิสัยไม่ดี เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน โคมไฟบนสะพานจะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับแสงอ่อน ๆ ที่คล้ายกับแสงหิ่งห้อยบนสะพานทรงโค้ง ได้จนถึงเวลา 21:00 น.มีบริการฟรี Wi-Fiบริเวณโดยรอบสะพาน https://www.medetai-tsuruta.jp/15039.html
[สถานที่ใกล้เคียง]เมื่อข้ามสะพานสึรุโนะไมไปจะพบกับสวนฟูจิมิโกะ และอุทยานทางธรรมชาตินกกระเรียนมงกุฎแดง เมืองคุชิโระสวนฟูจิมิโกะ มีลานนั่งปิกนิก สนามเด็กเล่น และโซนสำหรับบาร์บีคิว (ต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้า) จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัว※เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด COVID-19 โซนบาร์บีคิว  R2 ยังไม่เปิดให้จองและใช้บริการในขณะนี้
ที่อุทยานทางธรรมชาตินกกระเรียนมงกุฎแดง เมืองคุชิโระ คุณสามารถชมนกกระเรียนมงกุฎแดงตัวจริง ๆ ได้ที่นี่ อุทยานเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00 - 16:00 น.ในเดือนเมษายน 2020 ได้มีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ชื่อว่า ""Koko ni mo Aruja"" ซึ่งอยู่ใกล้กับลานจอดรถของสะพานสึรุโนะไมนอกจากนี้ ถัดไปไม่ไกลยังมีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ "สึรุโนะซาโตะ ฟุรุซาโตะคัง" ซึ่งเป็นการนำบ้านเก่ามาดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 9:00 น. - 16:00 น. ยกเว้นเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม*เกี่ยวกับข้อมูลการเปิดให้บริการแต่ละจุดใน  R2 ติดต่อสอบถามได้ที่ ฝ่ายวางแผนและการท่องเที่ยว ที่ว่าการเมืองสึรุตะ 
[แผนที่]https://www.medetai-tsuruta.jp/spot/sightseeing/fujimilakepark.html
[อื่น ๆ ]ติดกับสะพานมีที่พักที่มีบ่อน้ำพุร้อนในตัวชื่อว่า  "Welfare Center Tsugaru Fujimiso" สามารถใช้บริการบ่อออนเซ็นและร้านอาหารได้แม้ไม่ได้เข้าพัก http://www.fujimisou.jp/page02/p02.htm
ช่วงเดือนเมษายน - พฤศจิกายน มีบริการ "ไกด์นำเที่ยว สะพานสึรุโนะไม"ดำเนินงานโดยกลุ่มองค์กร "Danburi MikoPa no Kai" เกี่ยวกับช่วงเวลา ค่าธรรมเนียม จุดนัดพบกับไกด์ และอื่น ๆ โปรดติดต่อตามข้อมูลด้านล่างนี้<ไกด์นำเที่ยวสะพานสึรุโนะไม ―Danburi MikoPa no Kai―>ประธาน: Takenami Masaaki  โทร: 090-7660-7386
[การเดินทาง]สำหรับการเดินทางจากสถานี JR Mutsu Tsuruta สถานีที่ใกล้ที่สุด ขอแนะนำให้ใช้บริการรถแท็กซี่ที่จอดอยู่บริเวณหน้าสถานีการเดินทาง 4 ช่วง สถานี JR Mutsu Tsuruta ไปยังสะพาน Tsurunomai (ไปกลับ), สะพาน Tsurunomai ไปยัง Michi-no-Eki และ Michi-no-Eki ไปยังสถานี JR Mutsu Tsuruta สำหรับช่วงเวลาที่จัดโปรโมชั่นของ Adult Holiday Club Pass ราคาจะลดลงเหลือ ""ครึ่งราคา"" รายละเอียดเพิ่มเติมจะประกาศบนเว็บไซต์การท่องเที่ยวของเมือง "MEDETAI TSURUTA" เมื่อเปิดให้บริการhttps://www.medetai-tsuruta.jp/
จุดหมายปลายทาง
  • สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)
  • สวนแอปเปิล เมืองฮิโรซากิ
  • ภูเขานากาโนะโมมิจิ
  • บ่อน้ำพุร้อนโออิราเสะเคริว
  • ชิราคามิซันจิ
  • อะโออิเคะ (สระสีฟ้า)
  • โคะกะเนะซะกิ ฟุโระฟุชิออนเซ็น
  • ชายฝั่งเซ็นโจจิกิ
  • (จังหวัดอะโอโมริ เมืองสึรุตะ) สะพานสึรุโนะไม