เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของโทโฮคุที่เซนได, มะสึชิมะ และฮิระอิซุมิ 2 วัน 1 คืน

เริ่มต้น
วันที่ 1
วัดซุยกันจิ
วัดที่จะให้คุณได้สัมผัสความคลั่งไคล้และรสนิยมด้านความงามของมะซะมุเนะ

วัดซุอิกันจิเป็นวัดประจำตระกูลของผู้ครองแคว้นชื่อดังในยุคเซ็นโกคุนามว่าดะเตะ มะซะมุเนะ สร้างขึ้นในปี 828 แต่ดะเตะ มะซะมุเนะได้ปฏิสังขรณ์วัดที่ทรุดโทรมแห่งนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหลังยุคเซ็นโกคุผ่านพ้นไป วัดนี้จะให้คุณสัมผัสได้ถึงรสนิยมด้านความงามของมะซะมุเนะในทุกซอกทุกมุม
“วิหารหลัก"" และ ""ห้องครัว"" ของที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของญี่ปุ่น ห้ามพลาดชมภาพวาดอันสวยงามบนประตูเลื่อนในวิหารหลัก ในฤดูใบไม้ผลิ ""ต้นกะริวไบ"" ซึ่งอยู่ด้านหน้าวิหารหลักจะผลิดอกงดงาม ใน ""ห้องครัว"" ของวัดก็มีการแกะสลักลวดลายแบบอาหรับและแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของมะซะมุเนะ
“ประตูโอนาริมง” “ประตูชูมง” และ “รั้วไทโกะเบ” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น วัดยังมีจุดน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น “กลุ่มถ้ำและซากปรักหักพัง” และ “ถ้ำฮชชินคุสึ”
ใน “วิหารเซริวเด็น (อาคารเก็บสมบัติ)” จัดแสดงภาพวาดและอุปกรณ์ใช้ในพิธีชงชาของตระกูลมะซะมุเนะ รวมถึงประตูเลื่อนในวิหารหลักของจริงด้วย
ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดแสวงบุญของ “เส้นทางแสวงบุญสี่วัด” ร่วมกับ “วัดจูซนจิ” กับ “วัดโมซือจิ” ในฮิระอิซุมิ จังหวัดอิวะเตะและ “วัดริชชะคุจิ” ในยะมะเดะระ จังหวัดยะมะกะตะด้วย
ตั้งติดกับ “วัดเอนซืออิน” แล้วยังใกล้กับร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าของฝากด้วย แนะนำให้ไปเยือน “วัดโกไดโด” ที่มะซะมุเนะสร้างขึ้นมาก่อนวัดซุอิกันจิไปพร้อมๆ กันด้วย
หลังเพลินตากับทัศนียภาพสวยงามไร้ที่เปรียบ ณ มัตสึชิมะอันเป็นหนึ่งในสามอันดับวิวของญี่ปุ่นแล้ว ก็ลองมาหวนนึกถึงสมัยนั้นที่วัดของมะซะมุเนะกันนะคะ
“วิหารหลัก"" และ ""ห้องครัว"" ของที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินของญี่ปุ่น ห้ามพลาดชมภาพวาดอันสวยงามบนประตูเลื่อนในวิหารหลัก ในฤดูใบไม้ผลิ ""ต้นกะริวไบ"" ซึ่งอยู่ด้านหน้าวิหารหลักจะผลิดอกงดงาม ใน ""ห้องครัว"" ของวัดก็มีการแกะสลักลวดลายแบบอาหรับและแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของมะซะมุเนะ
“ประตูโอนาริมง” “ประตูชูมง” และ “รั้วไทโกะเบ” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น วัดยังมีจุดน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย เช่น “กลุ่มถ้ำและซากปรักหักพัง” และ “ถ้ำฮชชินคุสึ”
ใน “วิหารเซริวเด็น (อาคารเก็บสมบัติ)” จัดแสดงภาพวาดและอุปกรณ์ใช้ในพิธีชงชาของตระกูลมะซะมุเนะ รวมถึงประตูเลื่อนในวิหารหลักของจริงด้วย
ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดแสวงบุญของ “เส้นทางแสวงบุญสี่วัด” ร่วมกับ “วัดจูซนจิ” กับ “วัดโมซือจิ” ในฮิระอิซุมิ จังหวัดอิวะเตะและ “วัดริชชะคุจิ” ในยะมะเดะระ จังหวัดยะมะกะตะด้วย
ตั้งติดกับ “วัดเอนซืออิน” แล้วยังใกล้กับร้านอาหารและร้านจำหน่ายสินค้าของฝากด้วย แนะนำให้ไปเยือน “วัดโกไดโด” ที่มะซะมุเนะสร้างขึ้นมาก่อนวัดซุอิกันจิไปพร้อมๆ กันด้วย
หลังเพลินตากับทัศนียภาพสวยงามไร้ที่เปรียบ ณ มัตสึชิมะอันเป็นหนึ่งในสามอันดับวิวของญี่ปุ่นแล้ว ก็ลองมาหวนนึกถึงสมัยนั้นที่วัดของมะซะมุเนะกันนะคะ
โกะไดโด
สะพานสีแดงกับวัดที่ตั้งอยู่บนเกาะเป็นสัญลักษณ์แห่งมัตสึชิมะ

สะพานสีแดงที่ทอดข้ามไปยังเกาะเล็กๆ ที่ถูกตัดขาดและวัดโกไดโดที่ตั้งตระหง่านเป็นทัศนียภาพสัญลักษณ์ของมัตสึชิมะ แถมยังเป็นจุดชมวิวสวยที่มองเห็นอ่าวมัตสึชิมะอีกด้วย
จุดเริ่มต้นคือการสร้างวัดบิชะมงโดในปี 807 โดยซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระ ผู้เคยเป็นขุนนางและเจ้าหน้าที่ทางการทหาร จากนั้นก็ได้ชื่อนี้มาเพราะพระจิคาคุไดชิเอ็นนินอัญเชิญรูปปั้นวิทยาราชทั้งห้า (อจละ ไตรโลกยวิชยะ กุณฑลิ ยมานตกะ วัชรยักษ์) มาประดิษฐานในปี 828 รูปปั้นวิทยาราชทั้งห้าเป็นพระพุทธรูปลับและเปิดให้ชมทุกๆ 33 ปี
วัดในปัจจุบันเป็นวัดที่สร้างโดยเจ้าผู้ครองแคว้นยุคเซ็นโกคุชื่อดังอย่างดะเตะ มะซะมุเนะ มีการสลัก 12 นักษัตรที่ทั้ง 4 มุมใต้หลังคาและคาเอรุมาตะ (ไม้ค้ำ) คุณจะได้เห็นองค์ประกอบของวัฒนธรรมสมัยโมโมยามะซึ่งพัฒนาขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นศตวรรษที่ 17 ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมสมัยโมโมยามะที่เก่าที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น
บริเวณพื้นของสะพาน “ซุคาชิบาชิ” มีช่องว่างให้มองเห็นทะเลที่อยู่เบื้องล่างได้ สร้างแบบนี้เพื่อให้ตั้งใจสักการะอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีการติดแผ่นไม้ลงไปในแนวตั้งเพื่อให้เดินง่ายแต่สมัยก่อนเคยเป็นรูปแบบบันได
ทั้งยังมีตำนานเล่าว่าตอนที่เอ็นนินเปิดวัดเอ็นปุคุ (คือวัดซุยกังในปัจจุบัน) และได้อัญเชิญวิทยาราชทั้งห้ามาประดิษฐานนั้น อยู่มาคืนหนึ่งท้าวเวสสุวรรณที่ซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระเคยสักการะบูชาก็เรืองแสงและลอยไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ไกลจากฝั่ง จึงเรียกเกาะนั้นว่าเกาะบิชะมง (ท้าวเวสสุวรรณ)
การชมเกาะต่างๆ ในอ่าวระหว่างนึกถึงตำนานแบบนี้พร้อมกับไปเที่ยววัดซุยกังด้วยก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกเช่นกัน
จุดเริ่มต้นคือการสร้างวัดบิชะมงโดในปี 807 โดยซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระ ผู้เคยเป็นขุนนางและเจ้าหน้าที่ทางการทหาร จากนั้นก็ได้ชื่อนี้มาเพราะพระจิคาคุไดชิเอ็นนินอัญเชิญรูปปั้นวิทยาราชทั้งห้า (อจละ ไตรโลกยวิชยะ กุณฑลิ ยมานตกะ วัชรยักษ์) มาประดิษฐานในปี 828 รูปปั้นวิทยาราชทั้งห้าเป็นพระพุทธรูปลับและเปิดให้ชมทุกๆ 33 ปี
วัดในปัจจุบันเป็นวัดที่สร้างโดยเจ้าผู้ครองแคว้นยุคเซ็นโกคุชื่อดังอย่างดะเตะ มะซะมุเนะ มีการสลัก 12 นักษัตรที่ทั้ง 4 มุมใต้หลังคาและคาเอรุมาตะ (ไม้ค้ำ) คุณจะได้เห็นองค์ประกอบของวัฒนธรรมสมัยโมโมยามะซึ่งพัฒนาขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังศตวรรษที่ 16 จนถึงต้นศตวรรษที่ 17 ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมสมัยโมโมยามะที่เก่าที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น
บริเวณพื้นของสะพาน “ซุคาชิบาชิ” มีช่องว่างให้มองเห็นทะเลที่อยู่เบื้องล่างได้ สร้างแบบนี้เพื่อให้ตั้งใจสักการะอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีการติดแผ่นไม้ลงไปในแนวตั้งเพื่อให้เดินง่ายแต่สมัยก่อนเคยเป็นรูปแบบบันได
ทั้งยังมีตำนานเล่าว่าตอนที่เอ็นนินเปิดวัดเอ็นปุคุ (คือวัดซุยกังในปัจจุบัน) และได้อัญเชิญวิทยาราชทั้งห้ามาประดิษฐานนั้น อยู่มาคืนหนึ่งท้าวเวสสุวรรณที่ซาคาโนะอุเอะ โนะ ทามูระมาโระเคยสักการะบูชาก็เรืองแสงและลอยไปยังเกาะเล็กๆ ที่อยู่ไกลจากฝั่ง จึงเรียกเกาะนั้นว่าเกาะบิชะมง (ท้าวเวสสุวรรณ)
การชมเกาะต่างๆ ในอ่าวระหว่างนึกถึงตำนานแบบนี้พร้อมกับไปเที่ยววัดซุยกังด้วยก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกเช่นกัน
ทานอาหารกลางวันแถวมะสึชิมะ (อาหารทะเลประจำฤดู)
วันที่ 2
วัดโมะสึจิ
สวนที่จะให้คุณสัมผัสประสบการณ์แดนสุขาวดี

วัดโมซือจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับวัดจูซนจิ ยังคงหลงเหลือสวนโบราณงดงามและซากศาสนสถานอยู่ วัดนี้เป็นวัดเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่รัฐเลือกให้เป็นทั้ง “ร่องรอยประวัติศาสตร์พิเศษ"" และ “จุดวิวสวยพิเศษ""
นักบวชคะคุไดชิเอ็นนินเป็นผู้ริเริ่มและก่อสร้างโดยโมะโตะฮิระ ฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม
สวนสไตล์โจโดะจำลองมาจากโลกแห่งพุทธและมีความงามจนคุณถึงกับต้องกลั้นหายใจ คุณจะได้เห็นน้ำพุใหญ่อยู่ใจกลางสระน้ำ หาดทราย หินที่น้ำกัดเซาะ และสะพานหินแคบๆ แถมยังทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคนิคการจัดสวนญี่ปุ่นให้แก่ปัจจุบันด้วย
สวนที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาไหลช้าจะช่วยให้คุณลืมเลือนความวุ่นวายในแต่ละวันได้ แนะนำให้นั่งสมาธิหรือคัดลอกพระสูตรหากต้องการสัมผัสกับโลกแห่งพุทธให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลองมาเผชิญหน้ากับตัวเองในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กันดูดีไหม
สวนวัดโมซือจิจะมีดอกไม้สีสันสวยๆ ทุกฤดูกาลมาสะกดใจผู้คน เทศกาลต้นไอริสในช่วงต้นฤดูร้อนและเทศกาลดอกฮางิในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงจะมีผู้คนมาเยือนกันอย่างล้นหลาม
เดินง่ายเพราะเป็นพื้นที่ราบและออกแบบให้ปราศจากสิ่งกีดขวาง เช่น ติดตั้งลิฟท์และห้องน้ำอเนกประสงค์ ผู้สูงอายุและคนที่พาเด็กมาจึงวางใจได้
นักบวชคะคุไดชิเอ็นนินเป็นผู้ริเริ่มและก่อสร้างโดยโมะโตะฮิระ ฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม
สวนสไตล์โจโดะจำลองมาจากโลกแห่งพุทธและมีความงามจนคุณถึงกับต้องกลั้นหายใจ คุณจะได้เห็นน้ำพุใหญ่อยู่ใจกลางสระน้ำ หาดทราย หินที่น้ำกัดเซาะ และสะพานหินแคบๆ แถมยังทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคนิคการจัดสวนญี่ปุ่นให้แก่ปัจจุบันด้วย
สวนที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาไหลช้าจะช่วยให้คุณลืมเลือนความวุ่นวายในแต่ละวันได้ แนะนำให้นั่งสมาธิหรือคัดลอกพระสูตรหากต้องการสัมผัสกับโลกแห่งพุทธให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลองมาเผชิญหน้ากับตัวเองในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กันดูดีไหม
สวนวัดโมซือจิจะมีดอกไม้สีสันสวยๆ ทุกฤดูกาลมาสะกดใจผู้คน เทศกาลต้นไอริสในช่วงต้นฤดูร้อนและเทศกาลดอกฮางิในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงจะมีผู้คนมาเยือนกันอย่างล้นหลาม
เดินง่ายเพราะเป็นพื้นที่ราบและออกแบบให้ปราศจากสิ่งกีดขวาง เช่น ติดตั้งลิฟท์และห้องน้ำอเนกประสงค์ ผู้สูงอายุและคนที่พาเด็กมาจึงวางใจได้
วัดจูซนจิ
สวยงามอลังการ! วิหารสีทองเปล่งประกาย

"มรดกทางวัฒนธรรมฮิระอิซุมิ" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2011 วัดจูซนจิเป็นที่รู้จักเพราะ "วิหารคนจิคิโด" ซึ่งเปล่งประกายสีทองอย่างสวยงามอลังการ แต่ก็ยังมีจุดน่าชมอื่นๆ อีกมากมาย! ไม่ว่าจะเป็น "วิหารเบงเคโด" "วิหารยะคุชิโด" "วิหารหลักฮงโด" เป็นต้น
วัดจูซนจิสร้างขึ้นเมื่อปี 850 โดยพระที่มีสมณศักดิ์สูงนามจิคะคุไดชิเอ็นนิน จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 12 คิโยะฮิระ ผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นแรกของตระกูลฟุจิวะระก็ได้สร้างวัดขนาดใหญ่ขึ้น เพื่ออธิษฐานให้สังคมสงบสุขดั่งในอุดมคติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเนื่องจากคิโยะฮิระเสียครอบครัวไปในสงคราม ฮิระอิซุมิเคยเป็นแหล่งผลิตทองที่รุ่งเรืองยาวนานเกือบ 100 ปีตั้งแต่โมะโตะฮิระรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม จนยะซุฮิระรุ่นที่สี่โดนตระกูลมินาโมโตะทำลายล้างวิหารคนจิคิโดเป็นสถาปัตยกรรมทรัพย์สินของญี่ปุ่นหมายเลข 1 และได้รวมเทคนิคศิลปหัตถกรรมในสมัยนั้นเอาไว้ เช่น งานประดับตกแต่งด้วยมุก งานฉลุลาย วาดลงลวดลายทองหรือเงินบนเครื่องเขิน “ซังโคโซ” เป็นที่เก็บทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างพระพุทธรูป รวมถึงเป็นคลังสมบัติเก็บศิลปะเกี่ยวกับพระพุทธรูปที่เลื่องชื่อของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก ทั้งยังถ่ายทอดประวัติศาสตร์พร้อมกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูให้แก่ผู้คนในยุคปัจจุบันอีกด้วย
ซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เขียวชอุ่มในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะในฤดูหนาว ทิวทัศน์ในแต่ละฤดูกาลที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมกับธรรมชาติก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลเช่นกัน
การใช้บริการรถบัสนำเที่ยวหรือจักรยานเช่าจะสะดวกในการตระเวนเที่ยวฮิระอิซุมิ รถบัสนำเที่ยว “รุนรุน” จะเริ่มต้นที่สถานี JR ฮิระอิซุมิ โดยหนึ่งรอบจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการวนตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เช่น วัดจูซนจิและวัดโมซือจิ ส่วนจักรยานเช่า “รินริน” มีบริการให้เช่าอยู่ภายในระยะเดินจากสถานี JR ฮิระอิซุมิ โปรดสอบถามกับศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยวของสถานี
วัดจูซนจิสร้างขึ้นเมื่อปี 850 โดยพระที่มีสมณศักดิ์สูงนามจิคะคุไดชิเอ็นนิน จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 12 คิโยะฮิระ ผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นแรกของตระกูลฟุจิวะระก็ได้สร้างวัดขนาดใหญ่ขึ้น เพื่ออธิษฐานให้สังคมสงบสุขดั่งในอุดมคติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเนื่องจากคิโยะฮิระเสียครอบครัวไปในสงคราม ฮิระอิซุมิเคยเป็นแหล่งผลิตทองที่รุ่งเรืองยาวนานเกือบ 100 ปีตั้งแต่โมะโตะฮิระรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม จนยะซุฮิระรุ่นที่สี่โดนตระกูลมินาโมโตะทำลายล้างวิหารคนจิคิโดเป็นสถาปัตยกรรมทรัพย์สินของญี่ปุ่นหมายเลข 1 และได้รวมเทคนิคศิลปหัตถกรรมในสมัยนั้นเอาไว้ เช่น งานประดับตกแต่งด้วยมุก งานฉลุลาย วาดลงลวดลายทองหรือเงินบนเครื่องเขิน “ซังโคโซ” เป็นที่เก็บทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างพระพุทธรูป รวมถึงเป็นคลังสมบัติเก็บศิลปะเกี่ยวกับพระพุทธรูปที่เลื่องชื่อของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก ทั้งยังถ่ายทอดประวัติศาสตร์พร้อมกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูให้แก่ผู้คนในยุคปัจจุบันอีกด้วย
ซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เขียวชอุ่มในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะในฤดูหนาว ทิวทัศน์ในแต่ละฤดูกาลที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมกับธรรมชาติก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลเช่นกัน
การใช้บริการรถบัสนำเที่ยวหรือจักรยานเช่าจะสะดวกในการตระเวนเที่ยวฮิระอิซุมิ รถบัสนำเที่ยว “รุนรุน” จะเริ่มต้นที่สถานี JR ฮิระอิซุมิ โดยหนึ่งรอบจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการวนตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เช่น วัดจูซนจิและวัดโมซือจิ ส่วนจักรยานเช่า “รินริน” มีบริการให้เช่าอยู่ภายในระยะเดินจากสถานี JR ฮิระอิซุมิ โปรดสอบถามกับศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยวของสถานี
ทานอาหารกลางวันแถวรถไฟ JR สถานี Ichinoseki
วัฒนธรรมทานโมจิของอิจิโนะเซะคิ

แถบเมืองอิจิโนะเซะคิ จังหวัดอิวะเตะสามารถเก็บเกี่ยวข้าวเหนียวคุณภาพดีได้ ทำให้เกิด "วัฒนธรรมทานโมจิ" มาตั้งแต่สมัยเอโดะ ว่ากันว่าที่นี่มีเมนูโมจิมากกว่า 300 เมนู ยกตัวอย่างเช่น "โมจิฮงเซน" เมนูที่มาจากวัฒนธรรมการกินของซามูไรในแคว้นดะเตะ โมจิที่นี่มีรสหลากหลาย ไม่ได้มีแต่โมจิรสหวานอย่างโมจิไส้ถั่วแดงหรือไส้ถั่วแระเท่านั้น แต่ยังมีโมจิไส้คาวอย่างกุ้งหรือเห็ดชิอิตะเคะ และโมจิที่ฟิวชั่นกับอาหารตะวันตกด้วย
ค้นหาร้านอาหาร
ค้นหาร้านอาหาร
จุดหมายปลายทาง