ทัวร์อาคิตะที่อัดแน่นไปด้วยทุกสิ่งที่อาคิตะมีให้
- เวลาที่จำเป็น : 2 คืน 3 วัน
- วิธีเดินทางหลัก : รถยนต์
สัมผัสประสบการณ์กับสุนัขอาคิตะ สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างเทศกาลอาคิตะคันโต และโอกะ นามาฮาเกะ พร้อมสัมผัสประวัติศาสตร์ของบ้านพักซามูไรคาคุโนะดาเตะ และวัดฮิราอิซูมิ ชูซอนจิ ในจังหวัดอิวาเตะ
เริ่มต้น
อะกิตะ
วันที่ 1
สถานีน้องหมา Akita Dog (เมืองอะคิตะ จังหวัดอะคิตะ)
พบปะกับสุนัขพันธุ์อะคิตะที่บริเวณ Nakaichi

พื้นที่จัดนิทรรศการที่ตั้งอยู่ในบริเวณ Nakaichi ซึ่งคุณสามารถพบปะกับสุนัขพันธุ์อะคิตะได้
ศูนย์ถ่ายทอดศิลปะพื้นบ้านชาวอะคิตะ (เนบุรินากาชิคัง)
ประสบการณ์ชมโคมไฟคันโตของจริงขนาดมหึมา

เป็นสถานที่ที่แนะนำงานประเพณีและศิลปะหัตกรรมพื้นบ้านของเมืองอะคิตะ เช่น คันโต อะคิตะมันไซ โดยใช้เอกสารและสื่อวิดีโอในการนำเสนอ ทึ่งไปกับความอลังการของโคมไฟคันโตของจริงขนาดมหึมาที่ตั้งเรียงรายอยู่ในห้องโถงนิทรรศการแบบเพดานสูงโล่ง อีกทั้งยังสามารถเข้าร่วมประสบการณ์การแสดงคันโตโดยถือไว้ที่มือได้ด้วย
อาหารกลางวัน (อินานิวะอุด้ง, ไก่ฮิไน)

พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (เมืองโอกะ จังหวัดอะคิตะ)
นะมะฮะเกะมารวมกันที่นี่มากมายกว่า 150 แบบ! และมุมแปลงโฉมก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

นามาฮาเกะ งานประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในคาบสมุทรโอกะและบริเวณโดยรอบ การสวมหน้ากากยักษ์พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนไปด้วยว่า "มีเด็กร้องไหมมม" คนจึงมักคิดกันว่าเป็นปีศาจร้ายที่ชอบทำให้เด็กร้องไห้ แต่แท้จริงแล้ว นามะฮาเกะนั้นเป็นเทพที่เสด็จลงมาในวันส่งท้ายปีเก่าของทุกปีเพื่อคอยตักเตือนผู้คนไม่ให้เกียจคร้าน ช่วยให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ การเก็บเกี่ยวนาข้าวและพืชผลต่างๆ ได้ผลผลิตดี ภูเขาอุดมสมบูรณ์ ทะเลก็อุดมสมบูรณ์
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก
หมู่บ้านนิวโตะออนเซ็น
ออนเซ็นที่คนไม่ค่อยรู้จักและควรไปให้ได้สักครั้ง เจ็ดโรงแรมและเจ็ดน้ำพุร้อนที่สงบเงียบอยู่ในหุบเขา

หมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศญี่ปุ่นในฐานะบ่อน้ำพุร้อนลึกลับ มีที่พักติดออนเซ็นทั้งหมด 7 แห่ง แต่ละแห่งมีแหล่งต้นน้ำเป็นของตัวเอง ด้วยความหลากหลายทางด้านคุณสมบัติของบ่อน้ำพุร้อนและบรรยากาศของที่พักในแต่ละแห่ง จึงอยากแนะนำให้เพลิดเพลินไปกับความแตกต่างโดยการตระเวณไปยังที่พักต่างๆ
เมื่อซื้อแผนที่ "ยุเมะกุริ-แมพ" ในราคา 600 เยน สามารถใช้นั่งรถบัสสาย "ยุเมะกุริ-โก" ที่วนรอบหมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน ซึ่งสะดวกมาก สำหรับแขกผู้เข้าพักสามารถซื้อ "ยุเมะกุริ-โจ" ที่รวมค่าลงแช่บ่อน้ำพุร้อนในที่พักทั้ง 7 แห่งในราคา 1,800 เยน โดยทั้งหมดนี้มีจำหน่ายที่แผนกต้อนรับของที่พักแต่ละแห่ง
เมื่อซื้อแผนที่ "ยุเมะกุริ-แมพ" ในราคา 600 เยน สามารถใช้นั่งรถบัสสาย "ยุเมะกุริ-โก" ที่วนรอบหมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน ซึ่งสะดวกมาก สำหรับแขกผู้เข้าพักสามารถซื้อ "ยุเมะกุริ-โจ" ที่รวมค่าลงแช่บ่อน้ำพุร้อนในที่พักทั้ง 7 แห่งในราคา 1,800 เยน โดยทั้งหมดนี้มีจำหน่ายที่แผนกต้อนรับของที่พักแต่ละแห่ง
วันที่ 2
ออกเดินทางจากที่พัก
คฤหาสน์ตระกูลนักรบคาคุโนะดาเตะ
มาย้อนเวลาไปกับ “เกียวโตจิ๋วแห่งมิจิโนะคุ”

คะคุโนะดะเทะเป็นเมืองรอบปราสาทที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะและได้รับฉายาว่า ""เกียวโตจิ๋วแห่งมิจิโนะคุ"" โดยภายในพื้นที่เล็กๆ รัศมี 2 กม. มีสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยโบราณหลงเหลืออยู่จำนวนมาก เช่น คฤหาสน์ซามูไร จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติแห่แหนกันมาเพื่อชมเมืองอันงดงามแบบย้อนยุค ถนนเส้นหลักที่ตัดผ่านระหว่างกลุ่มคฤหาสน์ซามูไรได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มสถาปัตยกรรมดั้งเดิมสำคัญของญี่ปุ่นและได้รับการอนุรักษ์เป็นสมบัติทางวัฒนธรรม
คุณสามารถเยี่ยมชมคฤหาสน์ซามูไรของจริงจำนวนมากได้ เช่น “คฤหาสน์อิชิกุโระ” “หมู่บ้านประวัติศาสตร์คะคุโนะดะเทะ คฤหาสน์อาโอยางิ” “คฤหาสน์อิวาฮาชิ” “คฤหาสน์มัตสึโมโตะ” “คฤหาสน์คาวาราดะ” ในบรรดานั้นมีคฤหาสน์ที่ยังใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยแม้ในปัจจุบันนี้ด้วย บริเวณโดยรอบมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนอยู่หลายแห่งจึงขอแนะนำให้เปลี่ยนไปสวมชุดกิโมโนโบราณแล้วไปเดินเล่น การเดินเล่นท่ามกลางบ้านเมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นในชุดกิโมโนจะทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วจะยิ่งรู้สึกเช่นนั้นมากขึ้นเมื่อนั่งรถลากตระเวนไปตามถนนหนทางจาก “พิพิธภัณฑ์ศิลปะหัตถกรรมจากเปลือกไม้ซากุระ”
มีกลิ่นอายที่แตกต่างไปตามฤดูกาลทั้งสี่ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้เขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะ แต่โด่งดังเป็นพิเศษในฐานะเป็นจุดชมซากุระชื่อดังและจะมีผู้คนมากมายมากันอย่างคับคั่งตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเหมาะกับการชม สีซากุระของซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่สง่างามอยู่บนรั้วสีดำของคฤหาสน์ซามูไรนี้เป็นวิวธรรมชาติที่สวยงาม มีซากุระพันธุ์กิ่งย้อยเรียงรายกว่า 400 ต้นและ 162 ต้นในบรรดานั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่นอีกด้วย
ทำเลดีโดยใช้เวลาเดิน 15-20 นาทีจากสถานี JR คะคุโนะดะเทะ และ “คะคุโนะดะเทะเอกิมาเอะคุระ” อาคารสไตล์โกดังที่ตั้งอยู่หน้าสถานีได้กลายเป็นศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยว ซึ่งการหยิบแผนที่หรือแผ่นพับนี้จะช่วยให้คุณเที่ยวได้สะดวกสบาย
คุณสามารถเยี่ยมชมคฤหาสน์ซามูไรของจริงจำนวนมากได้ เช่น “คฤหาสน์อิชิกุโระ” “หมู่บ้านประวัติศาสตร์คะคุโนะดะเทะ คฤหาสน์อาโอยางิ” “คฤหาสน์อิวาฮาชิ” “คฤหาสน์มัตสึโมโตะ” “คฤหาสน์คาวาราดะ” ในบรรดานั้นมีคฤหาสน์ที่ยังใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยแม้ในปัจจุบันนี้ด้วย บริเวณโดยรอบมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนอยู่หลายแห่งจึงขอแนะนำให้เปลี่ยนไปสวมชุดกิโมโนโบราณแล้วไปเดินเล่น การเดินเล่นท่ามกลางบ้านเมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นในชุดกิโมโนจะทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วจะยิ่งรู้สึกเช่นนั้นมากขึ้นเมื่อนั่งรถลากตระเวนไปตามถนนหนทางจาก “พิพิธภัณฑ์ศิลปะหัตถกรรมจากเปลือกไม้ซากุระ”
มีกลิ่นอายที่แตกต่างไปตามฤดูกาลทั้งสี่ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้เขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะ แต่โด่งดังเป็นพิเศษในฐานะเป็นจุดชมซากุระชื่อดังและจะมีผู้คนมากมายมากันอย่างคับคั่งตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเหมาะกับการชม สีซากุระของซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่สง่างามอยู่บนรั้วสีดำของคฤหาสน์ซามูไรนี้เป็นวิวธรรมชาติที่สวยงาม มีซากุระพันธุ์กิ่งย้อยเรียงรายกว่า 400 ต้นและ 162 ต้นในบรรดานั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่นอีกด้วย
ทำเลดีโดยใช้เวลาเดิน 15-20 นาทีจากสถานี JR คะคุโนะดะเทะ และ “คะคุโนะดะเทะเอกิมาเอะคุระ” อาคารสไตล์โกดังที่ตั้งอยู่หน้าสถานีได้กลายเป็นศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยว ซึ่งการหยิบแผนที่หรือแผ่นพับนี้จะช่วยให้คุณเที่ยวได้สะดวกสบาย
ทางรถไฟภายในประเทศ

ทัวร์พายเรือคายัคที่ทะเลสาบทาซาวะ
ทะเลสาบทาซาวะ ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น ลึก 423.4 เมตร พายเรือออกไปในทะเลสาบสีเขียวมรกตกันเถอะ!

ทะเลสาบทาซาวะ ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น ลึก 423.4 เมตรพายเรือออกไปในทะเลสาบสีเขียวมรกตกันเถอะ!
◎...สิ่งของจำเป็น ○...สิ่งของจำเป็น◎เสื้อผ้าที่ใส่สบายและเปียกน้ำได้*ไม่แนะนำให้สวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้าย กางเกง และกางเกงยีนส์*แนะนำให้สวมเสื้อเชิ้ตและเสื้อยืดที่ทำจากใยสังเคราะห์*ขอแนะนำให้สวมชุดว่ายน้ำไว้ใต้เสื้อยืดด้วย◎รองเท้า (แนะนำให้สวมรองเท้าแตะส้นเตี้ย)◎เสื้อผ้าสำรอง ◎ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าเช็ดมือ◎แว่นกันแดด◎เครื่องดื่ม〇แว่นตากันลม○หมวก 〇เสื้อกันฝน 〇สายคล้องแว่น (เพื่อป้องกันการสูญหาย)○คอนแทคเลนส์แบบใช้แล้วทิ้ง○ครีมกันแดด (จำเป็นอย่างยิ่งในฤดูร้อน)*อุณหภูมิจะลดลงในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นโปรดสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น
◎...สิ่งของจำเป็น ○...สิ่งของจำเป็น◎เสื้อผ้าที่ใส่สบายและเปียกน้ำได้*ไม่แนะนำให้สวมเสื้อเชิ้ตผ้าฝ้าย กางเกง และกางเกงยีนส์*แนะนำให้สวมเสื้อเชิ้ตและเสื้อยืดที่ทำจากใยสังเคราะห์*ขอแนะนำให้สวมชุดว่ายน้ำไว้ใต้เสื้อยืดด้วย◎รองเท้า (แนะนำให้สวมรองเท้าแตะส้นเตี้ย)◎เสื้อผ้าสำรอง ◎ผ้าเช็ดตัวหรือผ้าเช็ดมือ◎แว่นกันแดด◎เครื่องดื่ม〇แว่นตากันลม○หมวก 〇เสื้อกันฝน 〇สายคล้องแว่น (เพื่อป้องกันการสูญหาย)○คอนแทคเลนส์แบบใช้แล้วทิ้ง○ครีมกันแดด (จำเป็นอย่างยิ่งในฤดูร้อน)*อุณหภูมิจะลดลงในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นโปรดสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น
หมู่บ้านศิลปะอาคิตะ

พื้นที่ดังกล่าวเป็นหมู่บ้านศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่โรงละคร Warabi ซึ่ง Warabiza จัดแสดงละครเพลงต้นฉบับ และยังมีเบียร์ท้องถิ่นแห่งแรกของจังหวัดอาคิตะอย่างเบียร์ Lake Tazawa อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Onsen Yupopo ที่สามารถเพลิดเพลินได้แบบไปเช้าเย็นกลับหรือค้างคืน และยังมีพิพิธภัณฑ์หัตถกรรมป่าไม้ซึ่งจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์หัตถกรรมทำมือและมีเวิร์กช็อปเชิงปฏิบัติการอีกด้วย
เก็นบิเคอิ
เพลิดเพลินกับอาหารขึ้นชื่ออย่าง “ดังโงะลอยฟ้า” และหุบเขาแสนงาม

สนุกกับการเดินริมแม่น้ำและเพลิดเพลินกับความงามของหุบเขาได้ที่เก็นบิเคอิ แม่น้ำอิวะอิซึ่งไหลจากภูเขาคุริโคะมะได้กัดเซาะหินจนเกิดเป็นภูมิประเทศอันงดงามยาวถึง 2 กม. ซึ่งมีทั้งหินรูปร่างแปลกตา หุบเหว และน้ำตก ฯลฯ
เส้นทางเดินชมปลายธารน้ำอันสงบนิ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทิวทัศน์ที่รังสรรค์โดยเสียงน้ำไหลและน้ำสีเขียวมรกตจะก่อให้เกิดบรรยากาศแสนผ่อนคลายจนไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้ ทั้งยังขอแนะนำเส้นทางเดิน 70 นาทีไปทางต้นน้ำที่มีลักษณะเด่นตรงความขุรขระ แต่เมื่อไปแล้วคุณก็จะได้ชม “หลุมยักษ์” อันล้ำค่าซึ่งเกิดมาจากก้อนกรวดที่หมุนวนอยู่ภายในกระแสน้ำไปครูดเข้ากับชั้นหินจนมีลักษณะโค้งมน
หากพูดถึงเก็นบิเคอิก็จะต้องนึกถึงดังโงะลอยฟ้า “คักโกดังโงะ” ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม! ผู้คนมากมายมาที่นี่เพื่อซื้อดังโงะนี้ เมื่อนำเงินใส่ตะกร้าที่ศาลาและใช้ค้อนไม้ทุบให้เกิดเสียงแล้ว ตะกร้าก็จะถูกดึงขึ้นไปทางร้านที่อยู่อีกฟากหนึ่งของลำธารด้วยสายเคเบิ้ล จากนั้นตะกร้าก็จะกลับมาพร้อมกับดังโงะและน้ำชา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอก็น่าสนุกทั้งนั้น!
เก็นบิเคอิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับจุดพักรถและแวะมาได้ง่าย แถมยังมีเส้นทางเดินเล่นกับจุดพักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ ด้วย เราจึงขอแนะนำให้มาเยือนไปพร้อมๆ กับหุบเขาภายในเมืองเดียวกันอย่าง “เกบิเคอิ”
เส้นทางเดินชมปลายธารน้ำอันสงบนิ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทิวทัศน์ที่รังสรรค์โดยเสียงน้ำไหลและน้ำสีเขียวมรกตจะก่อให้เกิดบรรยากาศแสนผ่อนคลายจนไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้ ทั้งยังขอแนะนำเส้นทางเดิน 70 นาทีไปทางต้นน้ำที่มีลักษณะเด่นตรงความขุรขระ แต่เมื่อไปแล้วคุณก็จะได้ชม “หลุมยักษ์” อันล้ำค่าซึ่งเกิดมาจากก้อนกรวดที่หมุนวนอยู่ภายในกระแสน้ำไปครูดเข้ากับชั้นหินจนมีลักษณะโค้งมน
หากพูดถึงเก็นบิเคอิก็จะต้องนึกถึงดังโงะลอยฟ้า “คักโกดังโงะ” ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม! ผู้คนมากมายมาที่นี่เพื่อซื้อดังโงะนี้ เมื่อนำเงินใส่ตะกร้าที่ศาลาและใช้ค้อนไม้ทุบให้เกิดเสียงแล้ว ตะกร้าก็จะถูกดึงขึ้นไปทางร้านที่อยู่อีกฟากหนึ่งของลำธารด้วยสายเคเบิ้ล จากนั้นตะกร้าก็จะกลับมาพร้อมกับดังโงะและน้ำชา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอก็น่าสนุกทั้งนั้น!
เก็นบิเคอิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับจุดพักรถและแวะมาได้ง่าย แถมยังมีเส้นทางเดินเล่นกับจุดพักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ ด้วย เราจึงขอแนะนำให้มาเยือนไปพร้อมๆ กับหุบเขาภายในเมืองเดียวกันอย่าง “เกบิเคอิ”
หมู่บ้านนิวโตะออนเซ็น
ออนเซ็นที่คนไม่ค่อยรู้จักและควรไปให้ได้สักครั้ง เจ็ดโรงแรมและเจ็ดน้ำพุร้อนที่สงบเงียบอยู่ในหุบเขา

หมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศญี่ปุ่นในฐานะบ่อน้ำพุร้อนลึกลับ มีที่พักติดออนเซ็นทั้งหมด 7 แห่ง แต่ละแห่งมีแหล่งต้นน้ำเป็นของตัวเอง ด้วยความหลากหลายทางด้านคุณสมบัติของบ่อน้ำพุร้อนและบรรยากาศของที่พักในแต่ละแห่ง จึงอยากแนะนำให้เพลิดเพลินไปกับความแตกต่างโดยการตระเวณไปยังที่พักต่างๆ
เมื่อซื้อแผนที่ "ยุเมะกุริ-แมพ" ในราคา 600 เยน สามารถใช้นั่งรถบัสสาย "ยุเมะกุริ-โก" ที่วนรอบหมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน ซึ่งสะดวกมาก สำหรับแขกผู้เข้าพักสามารถซื้อ "ยุเมะกุริ-โจ" ที่รวมค่าลงแช่บ่อน้ำพุร้อนในที่พักทั้ง 7 แห่งในราคา 1,800 เยน โดยทั้งหมดนี้มีจำหน่ายที่แผนกต้อนรับของที่พักแต่ละแห่ง
เมื่อซื้อแผนที่ "ยุเมะกุริ-แมพ" ในราคา 600 เยน สามารถใช้นั่งรถบัสสาย "ยุเมะกุริ-โก" ที่วนรอบหมู่บ้านนิวโตะออนเซ็นได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน ซึ่งสะดวกมาก สำหรับแขกผู้เข้าพักสามารถซื้อ "ยุเมะกุริ-โจ" ที่รวมค่าลงแช่บ่อน้ำพุร้อนในที่พักทั้ง 7 แห่งในราคา 1,800 เยน โดยทั้งหมดนี้มีจำหน่ายที่แผนกต้อนรับของที่พักแต่ละแห่ง
วันที่ 3
ออกเดินทางจากที่พัก
สวนมะกิบะ ฟาร์มโคะอิวะอิ
ฟาร์มกว้างใหญ่ที่มีภูเขาอิวะเตะเป็นฉากหลัง

ฟาร์มโคะอิวะอิมีประวัติยาวนานกว่า 120 ปี ส่วนหนึ่งของพื้นที่รวมทั้งหมด 3,000 เฮกตาร์ (30 ตารางกิโลเมตร) เปิดเป็น ""สวนมะกิบะ"" ให้คนทั่วไปเข้าชมได้ คุณจะได้ชมทั้งธรรมชาติอันกว้างใหญ่ แหล่งผลิต และทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
อาคาร 21 แห่ง เช่น คอกวัว และถังเก็บผลผลิต ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น เช่น “สำนักงานใหญ่ฟาร์มโคะอิวะอิ” ซึ่งปรากฏอยู่ในผลงานของนักกวีชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ สถาปัตยกรรมที่สร้างในช่วงตั้งแต่ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ส่วนใหญ่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนี้ ทัวร์พร้อมไกด์เล่าตำนานของฟาร์มโคะอิวะอิที่จะนำเที่ยวชมแหล่งผลิตซึ่งปกติไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญจึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษอีกทั้งทัวร์เต็มอิ่มกับธรรมชาติที่ตระเวนชมเขตป่าซึ่งปกติจะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมด้วย “แทรกเตอร์เทรน” อันเป็นตู้โดยสารโดยรถแทรกเตอร์ก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
กิจกรรมก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมขี่ม้า การแสดงจากแกะ การทำเนย หรือการกระโดดบนแทรมโพลีน
ไม่ควรพลาดทานขนมหวานและอาหารที่ใช้วัตถุดิบผลิตในฟาร์ม แล้วก็เชิญมาเอร็ดอร่อยกับซอฟต์ครีมที่ทำจากนมรีดสดใหม่
การประดับไฟฤดูหนาวงานใหญ่ที่สุดในโทโฮคุจะให้คุณได้เพลิดเพลินกับฟาร์มในแบบที่แตกต่างกับตอนกลางวัน
ซากุระต้นเดี่ยวที่บานสะพรั่งโดยมีภูเขาอิวะเตะอันยิ่งใหญ่เป็นฉากหลังก็มีชื่อเสียงเช่นกัน
อาคาร 21 แห่ง เช่น คอกวัว และถังเก็บผลผลิต ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น เช่น “สำนักงานใหญ่ฟาร์มโคะอิวะอิ” ซึ่งปรากฏอยู่ในผลงานของนักกวีชื่อมิยะซะวะ เค็นจิ สถาปัตยกรรมที่สร้างในช่วงตั้งแต่ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ส่วนใหญ่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบันนี้ ทัวร์พร้อมไกด์เล่าตำนานของฟาร์มโคะอิวะอิที่จะนำเที่ยวชมแหล่งผลิตซึ่งปกติไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญจึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษอีกทั้งทัวร์เต็มอิ่มกับธรรมชาติที่ตระเวนชมเขตป่าซึ่งปกติจะไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมด้วย “แทรกเตอร์เทรน” อันเป็นตู้โดยสารโดยรถแทรกเตอร์ก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน
กิจกรรมก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมขี่ม้า การแสดงจากแกะ การทำเนย หรือการกระโดดบนแทรมโพลีน
ไม่ควรพลาดทานขนมหวานและอาหารที่ใช้วัตถุดิบผลิตในฟาร์ม แล้วก็เชิญมาเอร็ดอร่อยกับซอฟต์ครีมที่ทำจากนมรีดสดใหม่
การประดับไฟฤดูหนาวงานใหญ่ที่สุดในโทโฮคุจะให้คุณได้เพลิดเพลินกับฟาร์มในแบบที่แตกต่างกับตอนกลางวัน
ซากุระต้นเดี่ยวที่บานสะพรั่งโดยมีภูเขาอิวะเตะอันยิ่งใหญ่เป็นฉากหลังก็มีชื่อเสียงเช่นกัน
หุบเขาเกอิบิเคอิ
หุบเขาที่มีวิวดั่งภาพวาดทิวทัศน์สไตล์ซันซุย

หุบเขาเกอิบิเคอิได้รับเลือกเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อนุสาวรีย์ธรรมชาติ และจุดทิวทัศน์สวยของญี่ปุ่น รวมถึงเป็นหนึ่งในร้อยอันดับทิวทัศน์ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นด้วย หุบเขาแห่งนี้มีกำแพงหินสูงกว่า 50 เมตรขนาบข้างแม่น้ำสะเท็ตสึเป็นระยะทางถึง 2 กม.
ที่นี่เป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่มีการล่องเรือไปกลับตามแม่น้ำโดยใช้ไม้แท่งเดียว เพลง ""เกอิบิโอะอิวะเคะ"" ที่คนพายเรือขับร้องจะประสานไปกับเสียงน้ำไหล จนเสียงที่เพราะจับใจจะมาสะกดให้คุณต้องหลงใหล ในแม่น้ำใสแจ๋วมีเหล่าปลาแหวกว่ายอยู่อย่างสวยงามและสามารถให้อาหารจากเรือได้ จุดน่าสนใจอีกอย่างคือสามารถนั่งเรือพร้อมกับสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวได้
หลังจากขึ้นไปถึงต้นน้ำก็จะมีเวลาขึ้นฝั่งก่อนหันเรือกลับ คุณจะได้เห็นหินอันเป็นที่มาของชื่อหุบเขาเกอิบิเคอิอย่าง “ชิชิกาฮานะ” รวมถึงจุดขึ้นชื่อที่จะให้โยน “หินนำโชค” ลงในรูตรงหน้าผา หากโยนเข้ารูความปรารถนาของคุณอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ อย่าลืมลองมาเสี่ยงดวงกันให้ได้
สถานที่แห่งนี้มีทิวทัศน์งดงามตลอดทุกฤดู ขึ้นชื่อในฐานะเป็นจุดชมดอกวิสทีเรียสวยๆ ในช่วงใบไม้เขียวชอุ่มกับใบไม้เปลี่ยนสีจะมีเรือพร้อมที่นั่งดื่มชาให้บริการ สามารถทานอาหารหม้อไฟพลางชื่นชมวิวหิมะได้บน “เรือโคทัตสึ” ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมฉะนั้นคาดการณ์ว่าในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีคนมากันพลุกพล่านเป็นพิเศษ จึงขอแนะนำให้ไปช่วงเช้าตรู่
“หุบเขาเก็นบิเคอิ” ที่อยู่ในเมืองเดียวกันก็ห่างออกไปประมาณ 40 นาที ดังนั้นแนะนำให้ลองไปเยือนในคราวเดียวกัน
ที่นี่เป็นที่เดียวในญี่ปุ่นที่มีการล่องเรือไปกลับตามแม่น้ำโดยใช้ไม้แท่งเดียว เพลง ""เกอิบิโอะอิวะเคะ"" ที่คนพายเรือขับร้องจะประสานไปกับเสียงน้ำไหล จนเสียงที่เพราะจับใจจะมาสะกดให้คุณต้องหลงใหล ในแม่น้ำใสแจ๋วมีเหล่าปลาแหวกว่ายอยู่อย่างสวยงามและสามารถให้อาหารจากเรือได้ จุดน่าสนใจอีกอย่างคือสามารถนั่งเรือพร้อมกับสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวได้
หลังจากขึ้นไปถึงต้นน้ำก็จะมีเวลาขึ้นฝั่งก่อนหันเรือกลับ คุณจะได้เห็นหินอันเป็นที่มาของชื่อหุบเขาเกอิบิเคอิอย่าง “ชิชิกาฮานะ” รวมถึงจุดขึ้นชื่อที่จะให้โยน “หินนำโชค” ลงในรูตรงหน้าผา หากโยนเข้ารูความปรารถนาของคุณอาจจะเป็นจริงก็ได้นะ อย่าลืมลองมาเสี่ยงดวงกันให้ได้
สถานที่แห่งนี้มีทิวทัศน์งดงามตลอดทุกฤดู ขึ้นชื่อในฐานะเป็นจุดชมดอกวิสทีเรียสวยๆ ในช่วงใบไม้เขียวชอุ่มกับใบไม้เปลี่ยนสีจะมีเรือพร้อมที่นั่งดื่มชาให้บริการ สามารถทานอาหารหม้อไฟพลางชื่นชมวิวหิมะได้บน “เรือโคทัตสึ” ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมฉะนั้นคาดการณ์ว่าในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีคนมากันพลุกพล่านเป็นพิเศษ จึงขอแนะนำให้ไปช่วงเช้าตรู่
“หุบเขาเก็นบิเคอิ” ที่อยู่ในเมืองเดียวกันก็ห่างออกไปประมาณ 40 นาที ดังนั้นแนะนำให้ลองไปเยือนในคราวเดียวกัน
วัดโมซือจิ
สวนที่จะให้คุณสัมผัสประสบการณ์แดนสุขาวดี

วัดโมซือจิได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับวัดจูซนจิ ยังคงหลงเหลือสวนโบราณงดงามและซากศาสนสถานอยู่ วัดนี้เป็นวัดเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่รัฐเลือกให้เป็นทั้ง “ร่องรอยประวัติศาสตร์พิเศษ"" และ “จุดวิวสวยพิเศษ""
นักบวชคะคุไดชิเอ็นนินเป็นผู้ริเริ่มและก่อสร้างโดยโมะโตะฮิระ ฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม
สวนสไตล์โจโดะจำลองมาจากโลกแห่งพุทธและมีความงามจนคุณถึงกับต้องกลั้นหายใจ คุณจะได้เห็นน้ำพุใหญ่อยู่ใจกลางสระน้ำ หาดทราย หินที่น้ำกัดเซาะ และสะพานหินแคบๆ แถมยังทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคนิคการจัดสวนญี่ปุ่นให้แก่ปัจจุบันด้วย
สวนที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาไหลช้าจะช่วยให้คุณลืมเลือนความวุ่นวายในแต่ละวันได้ แนะนำให้นั่งสมาธิหรือคัดลอกพระสูตรหากต้องการสัมผัสกับโลกแห่งพุทธให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลองมาเผชิญหน้ากับตัวเองในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กันดูดีไหม
สวนวัดโมซือจิจะมีดอกไม้สีสันสวยๆ ทุกฤดูกาลมาสะกดใจผู้คน เทศกาลต้นไอริสในช่วงต้นฤดูร้อนและเทศกาลดอกฮางิในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงจะมีผู้คนมาเยือนกันอย่างล้นหลาม
เดินง่ายเพราะเป็นพื้นที่ราบและออกแบบให้ปราศจากสิ่งกีดขวาง เช่น ติดตั้งลิฟท์และห้องน้ำอเนกประสงค์ ผู้สูงอายุและคนที่พาเด็กมาจึงวางใจได้
นักบวชคะคุไดชิเอ็นนินเป็นผู้ริเริ่มและก่อสร้างโดยโมะโตะฮิระ ฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม
สวนสไตล์โจโดะจำลองมาจากโลกแห่งพุทธและมีความงามจนคุณถึงกับต้องกลั้นหายใจ คุณจะได้เห็นน้ำพุใหญ่อยู่ใจกลางสระน้ำ หาดทราย หินที่น้ำกัดเซาะ และสะพานหินแคบๆ แถมยังทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคนิคการจัดสวนญี่ปุ่นให้แก่ปัจจุบันด้วย
สวนที่ทำให้รู้สึกว่าเวลาไหลช้าจะช่วยให้คุณลืมเลือนความวุ่นวายในแต่ละวันได้ แนะนำให้นั่งสมาธิหรือคัดลอกพระสูตรหากต้องการสัมผัสกับโลกแห่งพุทธให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ลองมาเผชิญหน้ากับตัวเองในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กันดูดีไหม
สวนวัดโมซือจิจะมีดอกไม้สีสันสวยๆ ทุกฤดูกาลมาสะกดใจผู้คน เทศกาลต้นไอริสในช่วงต้นฤดูร้อนและเทศกาลดอกฮางิในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงจะมีผู้คนมาเยือนกันอย่างล้นหลาม
เดินง่ายเพราะเป็นพื้นที่ราบและออกแบบให้ปราศจากสิ่งกีดขวาง เช่น ติดตั้งลิฟท์และห้องน้ำอเนกประสงค์ ผู้สูงอายุและคนที่พาเด็กมาจึงวางใจได้
สถานีชินฮานามากิ
จุดหมายปลายทาง
