แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้ภูมิภาคโทโฮคุ เหมาะกับช่วงต้นฤดูร้อนอันเขียวชอุ่ม

คุณสามารถพบเจอกับผลงานที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นจากความบังเอิญหลายประการได้ในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งแวดล้อมไปด้วยภูเขาขนาดใหญ่และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
ในครั้งนี้จะขอแนะนำ 4 แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางในช่วงต้นฤดูร้อนที่มีสีสันของความเขียวชอุ่ม

【จังหวัดอะโอะโมริ】ลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ

กิโลเมตร มีทะเลสาบโทะวะดะซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะจุดชมวิวทางตอนเหนือที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีเป็นแหล่งต้นน้ำ ธารน้ำนี้เป็นสายน้ำเส้นเดียวที่ไหลมาจากทะเลสาบโทะวะดะ

สายน้ำเส้นนี้ไหลไต่ระดับลงไปที่ความสูงจากบนลงล่าง 200 เมตร เดินทางผ่านโขดหินที่มีมอสปกคลุม กิ่งไม้ที่โค่นล้ม และป่ารกทึบที่มีพืชพันธุ์เจริญงอกงาม แตกเส้นสายกลายเป็นหยดน้ำสาดกระเซ็น น้ำตก และสายธารที่ไหลเอื่อย  

ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนของเส้นทางท่องเที่ยวนี้คุณก็จะพบกับภาพความงดงามที่เหล่ามวลต้นมอส โขดหิน และสายน้ำกระเซ็นถักทอกันออกมาเป็นสายธารที่ไหลทอดยาว ความสวยงามจนแทบลืมหายใจของธรรมชาติอันน่าพิศวงชวนให้ผู้คนเข้ามาค้นหา

ธาร 3 สายหลักของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ

สายน้ำความยาว 14 กิโลเมตรที่มีต้นสายอยู่ที่เนโนะกุจิซึ่งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกของทะเลสาบโทะวะดะและปลายสายที่ยาเคะยามะนั้น บริเวณส่วนบนจะมีน้ำตกที่มีน้ำไหลไม่ขาดสายเรียงรายกันอยู่ ส่วนกลางมีธารน้ำไหลแรงที่มีน้ำสาดกระเซ็น และส่วนล่างจะแยกย่อยออกเป็นธารน้ำไหลเอื่อย ๆ ทำให้มีจุดให้ถ่ายภาพได้ตลอดเส้นทาง

ในครั้งนี้จะขอแนะนำ "น้ำตกโชชิโอทาคิ" "ลำธารอาชูระโนะนางาเระ" "ลำธารสะมิดาเระโนะนางาเระ" ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ

สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่มั่นใจในความแข็งแรงของร่างกาย ขอแนะนำให้ใช้บริการรถบัสหรือขับรถไปบนเส้นทางที่เรียบขนานไปกับลำธาร

■ น้ำตกโชชิโอทาคิ
เป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวบนลำธารสายหลักและเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะที่มีความกว้าง 20 เมตร ไหลลงมาในระดับความสูง 7 เมตร กลายเป็นสัญลักษณ์ของลำธารน้ำโอะอิระเสะ และยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "น้ำตกหยุดปลา" เนื่องจากตั้งอยู่ในบริเวณที่ไปขวางเส้นทางของปลาที่พยายามจะว่ายทวนสายน้ำของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะเข้าไปในทะเลสาบโทะวะดะ

■ ลำธารอาชูระโนะนางาเระ
จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะและมักจะปรากฏอยู่ในโปสเตอร์ เป็นจุดที่สายน้ำไหลแรงที่สุด กระแสน้ำกระแทกกับหินที่ปกคลุมด้วยมอสทำให้น้ำกระจายแยกเป็นชั้น ๆ จนหยดน้ำสีขาวแตกกระเซ็น เมื่อตัดกับธรรมขาติสีเขียวที่อยู่รอบ ๆ จึงเกิดเป็นทิวทัศน์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเก็บภาพ

มนต์เสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ

เนื่องจากที่ลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะนั้นแทบจะไม่เคยเกิดน้ำท่วมขึ้นเลย จึงมีการสร้างทางเดินเรียบไปตามลำธารเอาไว้ ทำให้ผู้มาเยือนสามารถดื่มด่ำกับความงดงามของลำธารได้ในระยะใกล้และสามารถสัมผัสกับธารน้ำใสและน้ำตกในมุมมองของคนเดินได้

มอสก็เป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ที่สร้างความสวยงามให้แก่ทิวทัศน์ของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ เพราะมีทะเลสาบโทะวะดะช่วยทำหน้าที่เป็นดั่งเขื่อนธรรมชาติ ส่งปริมาณน้ำมาอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้โขดหินริมธารไม่ถูกกัดกร่อน เป็นที่เจริญเติบโตของมอสสีสันสวยงาม

จึงกล่าวได้ว่าเสน่ห์ของลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะถูกสร้างขึ้นจากความบังเอิญของธรรมชาติอย่างแท้จริง


Column

เดินป่าหามอส (โคะเกะซัมโปะ) กิจกรรมยอดฮิตที่ลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ

มอสช่วยทำให้ป่าของโอะอิระเสะกลับมางอกงามขึ้นใหม่อีกครั้งหลังจากได้รับผลกระทบจากการปะทุของภูเขาไฟในปี ค.ศ. 915  มอสปกคลุมไปทั่วพื้นที่กว้างที่มีแต่หิน มันช่วยสร้างดินที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืชพันธุ์และหล่อเลี้ยงป่าอันอุดมสมบูรณ์

ตั้งแต่กลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนจะมีการจัดงาน "เดินป่าหามอสที่ลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ" ให้ผู้เข้าร่วมได้ไปเปิดโลกระดับจุลทรรศน์ของมอสพร้อมกับไกด์นำเที่ยวธรรมชาติ

เพียงส่องแว่นขยายแล้วมองเข้าไป คุณก็จะเห็นเรื่องราวการกำเนิดลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะได้

【จังหวัดอะโอะโมริ - จังหวัดอะคิตะ】 เทือกเขาชิระคะมิซังจิ

เทือกเขาชิระคะมิซังจิทอดตัวข้ามผ่านเส้นเขตแดนจังหวัดอะโอะโมริ และจังหวัดอะคิตะ เป็นชื่อเรียกของพื้นที่ภูเขาสูงระดับ 1,000 - 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีขนาดครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 130,000 เฮกเตอร์ ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่ของเกาะหลักของโอกินาวา ที่บริเวณแกนกลางของพื้นที่ราวๆ 17,000 เฮกเตอร์เป็นที่อยู่ของป่าบีชดงดิบที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ป่าดงดิบที่มีคุณค่าระดับโลก บนผืนดินกว้างใหญ่ที่ไม่ถูกล่วงล้ำจากการตัดผ่านของถนน การเพาะปลูก หรือการตัดไม้

เมื่อต้นไม้แก่ล้มลง แสงจากดวงอาทิตย์ก็ส่องเข้ามา ต้นอ่อนที่อยู่ใต้ใบไม้ที่ร่วงหล่นก็เริ่มแตกหน่อ การเปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่นเช่นนี้ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นเวลากว่า 8,000 ปี ทำให้ป่าชิระคะมิยังคงดำรงอยู่เรื่อยมา

ป่าน่าพิศวงถิ่นอาศัยของพืชและสัตว์นานาพันธุ์

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้เทือกเขาชิระคะมิซังจิได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติก็คือระบบนิเวศ ป่าบีชของเทือกเขาชิระคะมิซังจิยังคงอยู่ในสภาพดั้งเดิม และมีความหลากหลายของพืชสัตว์นานาพันธุ์ที่หาได้ยากในโลก รวมทั้งยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์เฉพาะถิ่นและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อีกด้วย “นกหัวขวานดำ” นกในตระกูลนกหัวขวานขนาดใหญ่ซึ่งมีจำนวนประชากรน้อยและถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติแห่งประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1965 เป็นสัญลักษณ์ของเทือกเขาชิระคะมิซังจิ

พาร่างกายไปสัมผัสมรดกโลกด้วยการเดินป่า

ป็นพื้นที่แกนกลาง (คอร์โซน) และเขตกันชน (บัฟเฟอร์โซน) สำหรับการเข้าสู่เขตคอร์โซนนั้นจะถูกจำกัดเอาไว้เพื่อปกป้องระบบนิเวศ ขณะที่เขตบัฟเฟอร์โซนจะมีการจัดเส้นทางในการเดินที่ไม่ค่อยมีความลาดชันมากสำหรับนักเดินป่าสมัครเล่น เส้นทางเดินป่าที่ถูกจัดไว้มีหลายเส้นทางโดยแต่ละเส้นทางจะใช้เวลาในการเดินประมาณ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งสามารถเดินเล่นไปพร้อมๆ กับปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของเทือกเขาชิระคะมิซังจิ ทั้งต้นบีชขนาดมหึมา หนองน้ำและทะเลสาบที่น่าพิศวง  ฤดูที่ดีที่สุดสำหรับการเดินป่าคือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงที่ใบไม้มีสีเขียวสดจนถึงช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในเดือนตุลาคม

“อะโอะอิเคะ” หนองน้ำสีน้ำเงินแสนมหัศจรรย์ที่พบได้ในมรดกโลก

ทางตะวันตกของเทือกเขาชิระคะมิซังจิจะมีทะเลสาบจูนิโกะ (ทะเลสาบ 12 แห่ง) ซึ่งเป็นที่ตั้งของหนองน้ำและทะเลสาบถึง 33 แห่งอยู่ ในบรรดาหนองน้ำและทะเลสาบเหล่านี้มีหนองน้ำที่โดดเด่นคือ “อะโอะอิเคะ”

ผิวน้ำสีน้ำเงินโคบอลต์โปร่งใสเปล่งประกายราวกับมีใครนำหมึกสีน้ำเงินไปเทใส่ เปลี่ยนเป็นเฉดต่าง ๆ ของสีน้ำเงินตามสภาวะอากาศ ช่วงเวลา แสงที่ตกกระทบ และมุมที่มอง งดงามที่สุดเมื่อได้ชมอะโอะอิเคะไปพร้อม ๆ กับฟังเสียงนกร้องและสูดอากาศจากป่า

Column

“ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทือกเขาชิระคะมิซังจิ” ที่เชี่ยวชาญเรื่องเทือกเขาชิระคะมิซังจิเป็นอย่างดี

แวะที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทือกเขาชิระคะมิซังจิสักหน่อยก่อนจะก้าวเท้าเข้าสู่เทือกเขาชิระคะมิซังจิ

ตั้งอยู่ในหมู่บ้านนิชิเมะยะที่ถือว่าเป็นประตูฝั่งจังหวัดอะโอะโมริของเทือกเขาชิระคะมิซังจิ สามารถรับชมวิดีโอฉายภาพการเปลี่ยนแปลงในเทือกเขาชิระคะมิซังตลอดฤดูกาลทั้งสี่ รวมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับป่าบีช มรดกทางธรรมชาติของโลก และระบบนิเวศ

การได้ออกไปเดินเล่นหลังจากได้รับความรู้เกี่ยวกับเทือกเขาชิระคะมิซังจิแล้วจะทำให้คุณสนุกยิ่งขึ้น

【จังหวัดฟุคุชิมะ】เส้นทางสำรวจธรรมชาติทะเลสาบโกะชิคินุมะ

ภูเขาบันไดเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบอินะวะชิโระโกะและภูเขาอาซุมะได้

ที่ภูเขาบันไดมีเส้นทางสำหรับเดินป่าหลายเส้นทาง ให้คุณตื่นตาตื่นใจไปกับธรรมชาติอันกว้างใหญ่ได้อย่างเต็มที่  “เส้นทางสำรวจธรรมชาติทะเลสาบโกะชิคินุมะ” เส้นทางเดินค่อนข้างเรียบเหมาะสำหรับนักเดินป่าสมัครเล่น ระยะทางรวมทั้งหมด 3.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที ผ่านหนองน้ำและทะเลสาบ 8 แห่งรวมถึงกลุ่มทะเลสาบโกะชิคินุมะ เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ได้รับความนิยมของภูเขาบันได

สีของน้ำในทะเลสาบจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเฉดต่าง ๆ ตามฤดูกาล สภาพอากาศ เวลา และมุมที่มอง ความสวยงามที่เปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งที่ได้เห็น ทำให้ผู้มาเยือนไม่เบื่อกับทิวทัศน์ที่พบเห็นไม่ว่าจะมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ตาม

เหตุใดสีจึงแตกต่างกันออกไปในแต่ละทะเลสาบ

โกะชิคินุมะไม่ได้หมายถึงทะเลสาบห้าแห่ง แต่ที่เรียกว่า "โกะชิคินุมะ" เป็นเพราะสามารถมองเห็นเป็นสีสันที่หลากหลาย เช่น สีเขียวมรกต สีน้ำเงินโคบอลต์ สีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ในทุกก้าวที่ขยับตัวออกเดิน ปรากฎการณ์ที่น่ามหัศจรรย์นั้นทำให้รู้สึกราวกับเป็น “ทะเลสาบพิศวง” 

นอกจากนี้สีสันที่เปล่งออกมายังเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ ฤดูกาล ช่วงเวลา มุมที่มอง จึงทำให้ได้เห็นบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปในทุกครั้งที่มาเยือน กล่าวกันว่าการที่สีของทะเลสาบมีความแตกต่างกันเป็นเพราะความแตกต่างของแร่ธาตุจากภูเขาไฟที่อยู่ในน้ำ พืชใต้น้ำ ดัชนีการหักเหของแสงที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ทะเลสาบโกะชิคินุมะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

โกะชิคินุมะรวมไปถึงทะเลสาบและหนองน้ำหลายร้อยแห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของเทือกเขาอุระบันไดนี้ เกิดจากการระเบิดของภูเขาบันไดในปี ค.ศ. 1888  ภูมิทัศน์ที่งดงามในปัจจุบันไม่เพียงถูกสร้างขึ้นโดยพลังของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังเกิดจากความพยายามของคนรุ่นก่อนเช่น การเพาะปลูกต้นไม้อีกด้วย

ทะเลสาบหลายสิบแห่งในจำนวนนี้ถูกเรียกว่า “กลุ่มทะเลสาบโกะชิคินุมะ"

จุดท่องเที่ยวยอดนิยม บิชะมงนุมะ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของทะเลสาบโกะชิคินุมะ

เริ่มต้นจากป้ายรถบัสทางเข้าโกะชิคินุมะ เมื่อเดินประมาณ 10 นาที บิชะมงนุมะซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของทะเลสาบโกะชิคินุมะก็จะปรากฎสู่สายตาของคุณ

เบื้องหน้ามีภูเขาบันไดที่มีแนวสันเขาสวยงามยืนเด่นตระหง่าน กล่าวกันว่าเป็นจุดที่สามารถดื่มด่ำกับทัศนียภาพได้งดงามที่สุด จากบรรดากลุ่มทะเลสาบโกะชิคินุมะทั้งหมด ที่นี่คุณสามารถเพลิดเพลินบนทะเลสาบกับกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างการเช่าเรือพาย ให้คุณได้พายเรือไปบนผิวน้ำที่ใสบริสุทธิ์จนสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ ได้ โดยสามารถเช่าได้ครั้งละ 30 นาที

Column

ตำนานแห่งบิชะมงนุมะ “ปลาคาร์ฟลายหัวใจ”

ปลาคาร์ฟหลากสีแหวกว่ายอย่างสบายใจในทะเลสาบที่โปร่งใสจนมองเห็นไปถึงก้นทะเลสาบ ในฝูงปลาคาร์ฟนี้จะมีปลาคาร์ฟที่มีลายหัวใจสีแดงบนลำตัวเวียนว่ายอยู่ ว่ากันผู้ใดที่หาปลาคาร์ฟนี้เจอจะสมหวังในความรัก ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นตำนานของบิชะมงนุมะเรื่องปลาคาร์ฟที่นำพาความสุขมาให้ อย่าลืมเช่าเรือ แล้วออกไปตามหาปลาคาร์ฟลายหัวใจดูนะ

【จังหวัดนิอิกะตะ】หินโอโนะกะเมะ

"ภูเขา" ขนาดเล็กที่ยื่นออกไปในทะเลญี่ปุ่นทางตอนเหนือสุดของเกาะซาโดะ ภูเขาที่มีชื่อเรียกว่า “โอโนะกะเมะ" ที่มีรูปร่างเหมือนเต่านี้ จริงๆ แล้วเป็น “หินก้อนเดียว” ขนาดมหึมา และยังมีชื่อเสียงในฐานะถิ่นกำเนิดของมวลหมู่ดอกโทบิชิมะคันโซ ช่วงที่เหมาะในการชมดอกไม้ คือ ประมาณปลายเดือนพฤษภาคมไปถึงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเราจะได้เห็นวิวที่น่าประทับใจของการตัดกันระหว่างพรมสีเหลืองที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณกับสีครามของท้องฟ้า

ที่โอโนะกะเมะมีเส้นทางสำหรับเดินเล่นจัดเอาไว้ สามารถเดินขึ้นไปบนยอดหินได้อย่างง่ายดายภายในเวลาประมาณ 30 นาที

ในระหว่างเดินสามารถมองเห็นเกาะ 2 เกาะชื่อ “ฟุตะซึกะเมะ” ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับเต่าหดหัว 2 ตัว และยังสามารถเพลิดเพลินกับวิวทะเลญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปจากน้ำขึ้นน้ำลงได้ ความใสของน้ำทะเลรอบโอโนะกะเมะก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงของสะโดะ

เมื่อขึ้นไปถึงยอดสามารถมองเห็น “โซะโตะไคฟุ” ชายฝั่งทางทิศเหนือของสะโดะ สูงตระหง่านตัดกับเส้นขอบฟ้า ดื่มด่ำกับวิวพาโนรามาของธรรมชาติสุดลูกหูลูกตา
ทัศนียภาพที่มีชีวิตชีวาที่สุดในสะโดะกับน้ำทะเลที่ใสมองเห็นทะลุปรุโปร่ง ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ยังถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์ ภูมิทัศน์เหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของธรรมชาติ และทิวทัศน์ของพระอาทิตย์ที่ตกเหนือทะเลญี่ปุ่นคือความงามที่คุณจะไม่มีวันเบื่อ

ภาพมวลดอกโทบิชิมะคันโซสุดตรึงใจ ทอดสายตาชมวิวสีส้ม

โทบิชิมะคันโซ คือดอกไม้สีเหลืองในตระกูลดอกลิลลี่ นอกจากที่เกาะซาโดะแล้วจะสามารถพบเห็นได้เฉพาะในบางพื้นที่ของจังหวัดยะมะกะตะเท่านั้น

ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายนจะเข้าสู่ช่วงที่เหมาะสำหรับการชมดอกไม้ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ภูเขาปินโอโนะกะเมะถูกปกคลุมไปด้วยสีเหลืองเต็มพื้นที่ การตัดกันระหว่างสีเหลืองที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่กับสีครามของท้องฟ้าสดใส เกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามสุดพรรณนา

ที่ซาโดะเรียกโทบิชิมะคันโซว่า “โยระเมะ” คำว่า “โย” ในโยระเมะแปลว่าปลา และคำว่า “ระเมะ” แปลว่าการออกไข่ เนื่องจากคนท้องถิ่นมีความเชื่อว่า “หากดอกไม้นี้บานท้องทะเลจะกลับมามีชีวิตชีวา ปลาจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง”  โทบิชิมะคันโซจึงได้รับการปกป้องอย่างดีจากคนในท้องถิ่น

Column

รับชมศิลปะการแสดงท้องถิ่นโดยมีฉากหลังเป็นดอกโทบิชิมะคันโซ

จากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ในอดีตซาโดะเคยมีศิลปะการแสดงท้องถิ่นหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากการหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมชนชั้นสูง วัฒนธรรมซามูไร และวัฒนธรรมของชาวพื้นเมือง

ในงาน “เทศกาลซาโดะ คันโซ" ซึ่งจะจัดขึ้นตรงกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมดอกคันโซ ท่านสามารถเพลิดเพลินกับศิลปะการแสดงท้องถิ่นหลากหลายรายการ เช่น การตีกลองใหญ่ไคฟุไทโกะ เพลงพื้นบ้านซาโดะ และอีกมากมาย โดยมีพรมสีเหลืองของดอกคันโซที่บานสะพรั่งเป็นฉากหลัง

ในคืนก่อนวันงานเทศกาลจะมีการประดับไฟให้กับดอกคันโซ การแสดงโชว์กลองโองเดะโกะรอบกองไฟ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับอีกหนึ่งบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากตอนกลางวัน

■ ลำธารสะมิดาเระโนะนางาเระ
จุดชมวิวที่ใกล้ที่สุดจากยาเคะยามะ เป็นบริเวณที่มีมวลน้ำเป็นจำนวนมากเพราะมีลำธารสามสายมาบรรจบกัน คุณจะได้พบกับภาพทิวทัศน์ที่งดงามของมวลน้ำต่อเนื่องไม่ขาดสายที่ไหลมากระทบกับโขดหินที่กระจายตัวอยู่เกิดเป็นสายน้ำย่อยหลากหลายสาขา

  • 【จังหวัดอะโอะโมริ】ลำธารน้ำไหลโอะอิระเสะ
  • 【จังหวัดอะโอะโมริ - จังหวัดอะคิตะ】 เทือกเขาชิระคะมิซังจิ
  • 【จังหวัดนิอิกะตะ】หินโอโนะกะเมะ

GoogleMap สามารถใช้ได้ฟรีโดยจะมีการจำกัดจำนวนครั้งในการแสดงผล
อาจมีบางช่วงเวลาที่ไม่สามารถเรียกดูได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมการใช้งาน

  • หน้าหลัก
  • บทความพิเศษ
  • แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ช่วยแต่งแต้มสีสันให้ภูมิภาคโทโฮคุ เหมาะกับช่วงต้นฤดูร้อนอันเขียวชอุ่ม