สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในโทโฮคุที่ได้รับความสนใจในระดับโลก! แนะนำโดยมิชลินกรีนไกด์

"มิชลิน กรีนไกด์ เจแปน" คือหนึ่งในไกด์บุ๊คที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวในญี่ปุ่น 

ในการจัดทำหนังสือทางมิชลินจะส่งผู้ประเมินออกไปสำรวจตามสถานที่ต่าง เช่น ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ  มรดกทางวัฒนธรรมต่าง ๆ จากนั้นก็ประเมินตามกฏเกณฑ์ที่ทางมิชลินกำหนดขึ้นมา แล้วจัดทำเป็นลิสต์รายการสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ หากสถานที่ไหนที่ประเมินแล้วว่าเจ๋งจริง "ควรค่าแก่การไปเยือน" ก็จะได้รับ มิชลิน สตาร์ 3 ดาว นำหน้าชื่อของสถานที่นั้น ๆ

【จังหวัดอิวะเตะ】วัดจูซนจิ (Chuson-ji Temple) : 3 ดาว (★★★)

วัดจูซนจิเป็นส่วนหนึ่งของ "มรดกทางวัฒนธรรมฮิระอิซุมิ (Hiraizumi)" ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ในปี 2011

นอกจากวัดจูซนจิแล้ว ในมรดกโลกฮิระอิซุมิยังมีวัดและสวนต่าง ๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนรวมอยู่ด้วย ได้แก่ วัดโมซูจิ (Motsuji Temple), สวนคันจิไซโออิน อะโตะ (Kanjizaioin Ato), สวนมูเรียวโคอิน อะโตะ (Muryokoin Ato) และภูเขาคินเคอิซัน (Mt. Kinkeisan) โดยทั้งหมดสร้างขึ้่นตามหลักความเชื่อทางพุทธศาสนานิกายโจโดะ


ไฮไลท์อยู่ที่วิหารคนจิคิโด (Konjikido) วิหารทองคำแห่งวัดจูซนจิ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1124 โดยท่านคิโยะฮาระ (Kiyohara) ต้นตระกูลโอชู-ฟูจิวาระ ผู้ปกครองภูมิภาคโทโฮคุในสมัยเฮอัน

Column

เช่าจักรยานปั่นชมมรดกโลกฮิระอิซุมิ

ส่วนประกอบของ "มรดกโลกฮิระอิซุมิ" ทั้ง 5 แห่งตั้งอยู่ไม่ไกลกันมาก สามารถเที่ยวชมแต่ละจุดได้ภายใน 1 วัน


ใกล้ ๆ กับสถานี JR Hiraizumi มีจุดบริการให้เช่าจักรยานอยู่หลายแห่ง สามารถเช่าจักรยานแล้วมาปั่นชมมรดกโลกแต่ละแห่งได้ด้วยตัวคุณเอง

แนวคิดในการสร้างวัดจูซนจิของท่านคิโยะฮาระ

ในสมัยเฮอันพื้นที่แถบนี้เต็มไปด้วยทองคำถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า "Michinoku yama ni kogane hana saku" แปลว่า ดินแดนมิจิโนคุนั้นเบ่งบานไปด้วยดอกไม้สีทอง ตระกูลโอชู-ฟูจิวาระผู้มั่งคั่งจากค้าขาย เริ่มสร้างวัดวาอารามต่าง ๆ ขึ้นมา รวมถึงเป็นผู้ก่อตั้ง "วัฒนธรรมทองคำ" (Kogane Bunka) สัญลักษณ์แห่งฮิระอิซุมิ


วัดจูซนจิ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1105  โดยท่านคิโยะฮาระ ต้นตระกูลโอชู-ฟูจิวาระ จุดเริ่มต้นที่จะสร้างวัดนั้นตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า เพื่ออุทิศให้แก่ผู้ที่สูญเสียชีวิตไปในสงครามในภูมิภาคโทโฮคุที่ยืดเยื้อยาวนาน และต้องการที่จะยุติสงครามหลังจากที่ได้สูญเสียพ่อ ภรรยา และลูก ๆ ไป วัดจูซนจิจึงเปรียบเสมือนความปรารถนาอย่างแรงกล้าของท่านคิโยะฮาระที่ต้องการสร้างสังคมในอุดมคติที่ปราศจากสงครามและการรบราฆ่าฟันนั่นเอง

วิหารทองคำ สัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งของตระกูลโอชู-ฟูจิวาระ

เมื่อเข้าไปด้านในของวิหารคนจิคิโด คุณจะพบกับ "วัฒนธรรมทองคำ" อันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความรุ่งเรืองและมั่งคั่งของตระกูลโอชู-ฟูจิวาระ


โถงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอมิตาภพุทธเจ้า ทั้งด้านในและด้านนอกถูกปิดด้วยทองคำเปลว เปล่งประกายงดงามยิ่งนัก ที่ฐานมีการตกแต่งด้วยงาช้าง การประดับมุกด้วยเปลือกหอยมุกไฟที่นำเข้ามาจากเส้นทางสายไหม ฯ สัมผัสได้ถึงทักษะความปราณีตของงานฝีมือในสมัยนั้น


ที่ด้านล่างของแท่นประดิษฐานพระพุทธรูป เป็นที่บรรจุร่างของตระกูลฟูจิวาระ ทั้ง 3 ได้แก่ รุ่นที่ 1 คิโยะฮาระ, รุ่นที่ 2 โมโตะฮิระ ผู้สร้างวัดโมซูจิ, รุ่นที่ 3 ฮิเดะฮิระ และศีรษะของรุ่นที่ 4 ยาสุฮิระ

Column

ดอกไม้มหัศจรรย์สีชมพู แต่งแต้มสีสันให้กับบ่อน้ำของวัดจูซนจิ

ที่สระน้ำด้านหลังของวิหารทองคำในช่วงเดือน กรกฎาคม - สิงหาคมของทุกปี จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวขนาดใหญ่สีชมพูสดใสเบ่งบานไปทั่วทั้งสระ


ในปี ค.ศ. 1950 มีการค้นพบเมล็ดพันธุ์ดอกบัวชนิดนี้ในกล่องที่บรรจุศีรษะของฟูจิวาระรุ่นที่ 4 ยาสุฮิระ และได้ทำการเพาะพันธุ์จนออกดอกได้สำเร็จในปี ค.ศ. 1998

นับได้ว่าดอกบัวนี้ได้เดินทางผ่านกาลเวลามานานถึง 800 ปีถึงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ปัจจุบันมีการตั้งชื่อให้ดอกบัวพันธุ์นี้ว่า "จูซนจิฮะสุ" (Chusonji-lotus)


ในช่วงบ่ายดอกบัวก็จะเริ่มหุบแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอยากมาชมแนะนำให้เดินทางมาในช่วงเช้า

【จังหวัดมิยะกิ】 วัดซุอิกันจิ (Zuiganji Temple) / จุดชมวิวทั้งสี่แห่งมัตสึชิมะ : 3 ดาว (★★★)

นอกจากอะมะโนะฮาชิดะเตะ (Amanohashidate)ในจังหวัดเกียวโต เกาะมิยะจิมะ (Miyajima) ในจังหวัดฮิโรชิมะ แล้ว "มัตสึชิมะ" คือ 1 ใน 3 ทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น นอกจากเป็นวิวทิวทัศน์จะสวยงามแล้ว ยังมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลดะเตะ เทพเจ้าสงครามแห่งภูมิภาคโทโฮคุอีกด้วย


จากสถานี JR Matsushima Kaigan สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด เดินเพียงแค่ 10 นาทีก็จะพบกับวัดซุอิกันจิ สมบัติของชาติอายุกว่า 1,000 ปี วัดประจำตระกูลของนักรบชื่อดัง ดะเตะ มะซะมุเนะ

ดะเตะ มะซะมุเนะ ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการก่อสร้างขึ้นมาใหม่ถึง 4 ปีเต็ม

วัดซุอิกันจิสร้างขึ้นในปี ค.ศ.  828 โดยพระสมณศักดิ์สูง ท่านจิคะคุ ไดชิ แห่งวัดฮิเอซัน เอ็นเรียคุจิ (Hieizan Enryakuji) 

ว่ากันว่าใช้แรงงานนักเรียนที่กำลังบวชเรียนและผู้รับใช้นักบวชกว่า 3,000 คนในการก่อสร้าง เทียบเท่ากับวัดฮิเอซัน เอ็นเรียคุจิ อยู่ภายใต้การคุ้มครองจากตระกูลฟูจิวาระ แห่งฮิระอิซุมิ


หลังการล่มสลายของตระกูลฟูจิวาระ ก็เข้าสู่ยุคสงครามเซ็นโกคุ ดะเตะ มะซะมุเนะ ใช้เวลาถึง 4 ปีเต็มในการบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1609 (สมัยเคโชที่ 14) ภายนอกวัดอาจจะดูเรียบง่าย แต่เมื่อได้เข้าไปด้านแล้วคุณจะต้องตื่นตะลึงกับความวิจิตรสวยงาม

ความรู้ที่ขาดไม่ได้ในการบูรณะสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนา ส่งต่อวัฒนธรรมดะเตะที่งดงามมาถึงปัจจุบัน

กล่าวกันว่า ในตอนที่สร้างวัดซุอิกันจินั้น มะซะมุเนะได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปอย่างมุ่งมั่น ถึงกับลงมือขึงเชือกด้วยตัวเองตั้งแต่ตอนเริ่มสร้าง

นอกจากนี้ยังมีการเชิญช่างไม้มาจากเกียวโต มีการขนส่งวัสดุจากภูมิภาคคิชู-คุมาโนะมาทางทะเล แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นอันแรงกล้าของมะซะมุเนะ พื้นที่โดยรอบประกอบไปด้วย หอหลักและห้องครัวคูริ (Kuri) ปัจจุบันทั้ง 2 หลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ และอาคารอีกหลายหลังที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมในยุคโมะโมะยามะ ดังจะเห็นได้จากการใช้สีสันที่สดใสมาตกแต่ง เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด

โดยปกติห้องครัวมักจะไม่ได้รับการตกแต่งใดๆ แต่ห้องครัวคูริแห่งวัดซุอิกันจินนั้นแตกต่างออกไป


สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นห้องครัวที่ใช้งานจริง ชายคาด้านหน้าได้รับการออกแบบให้เป็นรูปสามเหลี่ยมโค้งรับกับท้องฟ้า ด้านล่างมีการแกะสลักลายเถาวัลย์ญี่ปุ่นอันวิจิตรงดงาม การได้มาดูความสวยงามของห้องครัวคูริที่สร้างขึ้นจากความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของมะซะมุเนะนั้นเป็นสิ่งที่ห้ามพลาด

อีกหนึ่งจุดชมวิวสามดาวในมัตสึชิมะ "มัตสึชิมะ ชิไทคัง (Matsushima Shidaikan)

มัตสึชิมะ ชิไทคัง คือจุดชมวิว 4 แห่งที่มองเห็นวิวพาโนราม่าของเกาะทั้งหมด 260 เกาะในอ่าวมัตสึชิมะ

แต่ละจุดชมวิวมีชื่อเรียกต่างกันไป ได้แก่ โซคัง (Sokan) เรคัง (Reikan) อิคัง (Ikan) และ ยูคัง (Yukan) ชื่อแต่ละชื่อใช้บรรยายวิวทิวทัศน์ที่มองเห็น


จุดชมวิวทั้ง 4 ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองมัตสึชิมะ จากสถานีที่ใกล้ที่สุดเดินทางโดยรถยนต์หรือเดิน ใช้เวลาประมาณ 10 - 45 นาที 

แต่ทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวมัตสึชิมะนั้นสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเท่านั้น ในช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะมองเห็นอ่าวมัตสึชิมะส่องประกายเป็นสีทองสวยงาม

นั่งเรือชมรอบเกาะ เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงามของมัตสึชิมะ

วิธีการเที่ยวชมมัตสึชิมะแบบคลาสสิกคือ "ล่องเรือเที่ยวรอบเกาะ" จากวัดซุอิกันจิเดินไปยังท่าเรือใช้เวลาเดินเพียง 8 นาทีเท่านั้น คุณสามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของเกาะน้อยใหญ่ทั้ง 260 เกาะได้จากในทะเล 


อย่าลืมออกไปยังที่นั่งนอกเรือรับลมทะเล ชมวิวเพลิดเพลิน ในขณะที่ฟังเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเกาะ และที่มาของชื่อ "เซ็นกันจิมะ (Senganjima)" ที่เป็นที่ชื่นชอบของดะเตะ มะซะมุเนะ 

Column

ของกินเด็ดเมืองเซนได หอยนางรม ปลาไหลอะนาโกะ และอื่นๆอีกมากมาย

ของเด็ดของดังของมัตสึชิมะที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศก็คือหอยนางรม จุดเด่นอยู่ที่ เนื้อจะแน่น ตัวใหญ่ รสหวานและเข้มข้น หอยนางรมสด ๆ ของที่นี่มีให้กินตลอดทั้งปี


นอกจากนี้มัตสึชิมะยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาไหลทะเล หรือปลาอะนาโกะ เมนูเด็ดจากปลาอะนาโกะที่หากินได้ในร้านค้าแถบนี้ก็จะมี อะนาโกะเท็นด้งหรือข้าวหน้าอะนาโกะชุดแป้งเท็มปุระ  และนีอิอะนาโกะด้งหรือข้าวหน้าปลาไหลต้มซอส


หรือจะเป็นเมนูขึ้นชื่อประจำเมืองเซนไดอย่าง ซะซะคามะโบโกะหรือลูกชิ้นปลารูปใบไผ่ และลิ้นวัวก็หาทานได้ไม่ยาก

【จังหวัดยะมะกะตะ】 ภูเขาฮะกุโระ (Mt. Haguro) : 2 ดาว (★★)

ภูเขาเดวะซังซัง (Three Mountains of Dewa) หรือ 3 ขุนเขาแห่งเทพเทวา เป็นชื่อเรียกรวมภูเขา 3 ลูกได้แก่ ภูเขาฮะกุโระ (Mt. Haguro)  ภูเขากัซซัง (Mt. Gassan) และภูเขายุโดะโนะ ( Mt. Yudono) มีประวัติยาวนานนับตั้งแต่เปิดภูเขามากกว่า 1,400 ปี ได้รับการเคารพบูชาในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสถานที่สำหรับผู้ที่ต้องการมาบำเพ็ญเพียร


เชื่อกันว่าภูเขาเดะวะซังซังนั้นเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณของเทพเจ้ามาช้านาน และเป็นเกิดใหม่ของเหล่าวิญญาณทั้งหลาย


และมีความเชื่อหนึ่งที่ว่าการเดินทางไปยังภูเขาทั้ง 3 ลูกนี้เป็น "การเดินทางเพื่อชีวิตใหม่" โดยมีการเปรียบเทียบภูเขาฮะกุโระเป็นตัวแทนของชาติภพปัจจุบัน ภูเขากัซซังเป็นตัวแทนของชาติภพที่แล้ว และภูเขายุโดะโนะเป็นตัวแทนของชาติภพหน้า ความเชื่อนี้เกิดขึ้นในสมัยเอโดะ และยังคงส่งต่อความเชื่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

Column

นุ่งขาวห่มขาวเดินปฏิบัติธรรม สู่การเดินทางเพื่อชีวิตใหม่ในภพหน้า

ภูเขาเดะวะซังซังสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโทโฮคุ ผู้ที่ฝึกตนจะแต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มสีขาวเสมือนตัวเองได้กลายเป็นวิญญาณ แล้วเดินเท้ารอบภูเขาทั้ง 3 นี้

ลองนุ่งขาวห่มขาวแล้วมาร่วมฝึกตนไปพร้อมกันไหม? ฝึกจิตใจให้มั่นคงกล้าแกร่ง พร้อมรับพลังแห่งเทพเทวาที่สถิตอยู่ในขุนเขาแห่งนี้


■จุดเช่าเครื่องแต่งกาย: ที่พัก-เรียวกังแต่ละแห่งในภูเขาเดะวะซังซัง

■เวลาเช่ายืม: 8:30 - 16:30 น.


*การเช่ายืมชุดจำเป็นต้องจองก่อนล่วงหน้า

*รายละเอียดวิธีการจองดูได้ที่เว็บไซต์

จุดชมวิว 3 ดาว แนวต้นสนซีดาร์ในภูเขาฮะกุโระ

เมื่อผ่านทางเข้าด้านหน้าของภูเขาฮะกุโระ สถานที่สำหรับฝึกบำเพ็ญเพียรเข้ามาแล้ว เราจะพบขับเส้นทางเดินระยะทางยาวประมาณ 1.7 กม. มีต้นสนซีดาร์กว่า 500 ต้น อายุกว่า 350 ปี ขึ้ขนาบข้างไปตลอดทางเดิน สร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ให้กับบริเวณนี้

ปัจจุบันต้นสนซีดาร์เหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติ และได้รับรางวัลมิชลินสตาร์สูงสุดระดับ 3 ดาว

ต้นไม้ยักษ์อายุกว่า 1,000 ปี และเจดีย์ 5 ชั้นที่ได้รับรางวัล 2 ดาว

หลังจากขึ้นบันไดหินที่อยู่ระหว่างต้นสนซีดาร์เก่าแก่ไปได้สักระยะหนึ่งคุณจะพบกับเจดีย์ 5 ชั้นที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินทางขึ้นมาสักการะ ถัดไปไม่ไกลคือ "ต้นสนจิจิซุกิยักษ์" (Jijisugi) อายุกว่า 1,000 ปี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น อนุสรณ์สถานทางธรรมชาติด้วยเช่นกัน

ต้นไม้ยักษ์นี้มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบในภูเขาฮะกุโระ ลำต้นสูงตระหง่าน ความยาวรอบวงของลำต้นวัดได้กว่า 10 เมตร

ข้างๆกันคือ "เจดีย์ 5 ชั้น" ที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆในแนวของต้นสนซีดาร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติของชาติ นี่คือเจดีย์ 5 ชั้นที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ได้รับมิชลินสตาร์ 2 ดาว ว่ากันว่าสร้างโดยซามูไรชื่อดังนามว่า มาซาคาโดะ แห่งตระกูลไทระ ในช่วงกลางของสมัยเฮอัน (ราวปีค.ศ. 931-938)


ตัวเจดีย์นั้นสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ไม่ได้ทาสี และไม่ได้รับการตกแต่งใดๆ ที่ไม่เกิดประโยชน์ ชายคาแต่ละชั้นยื่นยาวออกมาและโค้งงอนขึ้นสวยงามราวกับปีกหงส์ รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งและสง่างามในเวลาเดียวกัน

ปลายสุดของบันไดหินสูง 2,446 ขั้น “ศาลเจ้าเดะวะ ซังจินโกไซเดน (Sanjingosaiden Shrine)”

เมื่อปีนบันไดหินสูง 2,446 ขั้นขึ้นไปถึงด้านบน ที่นั่นเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าซังจินโกไซเดน ที่ซึ่งมีไว้บูชาเทพเจ้าที่สิงสถิตย์อยู่ในขุนเขาทั้งสาม


ว่ากันว่าการได้มาสักการะยังศาลเจ้าซังจินโกไซเดนเพียงครั้งเดียว มีมีค่าเทียบเท่ากับการเดินทางรอบภูเขาทั้งสามลูก


เหตุผลที่มาตั้งศาลเจ้าบนภูเขาฮะกุโระก็เพราะว่าบนภูเขากัซซังและภูเขายุโดะโนะนั้นในช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะตกลงมาปิดทางเดิน ยากลำบากต่อการเดินทางมาสักการะ


ด้านในของศาลเจ้าทาสีแดงชาดทั้งหลัง หลังคามุงด้วยฟางข้าวหนา 2.1 เมตร

Column

พักเติมพลังด้วยของกินขึ้นชื่อ "จิคาระโมจิ"

ในเส้นทางสักการะของภูเขาฮะกุโระ จะต้องผ่าน "เนินที่ 2" ที่ค่อนข้างลาดชัน เมื่อผ่านมาแล้วจะพบกัน "ร้านนิโนะซากะจายะ" แปลว่า ร้านน้ำชาที่เนิน 2 เป็นจุดพักกลางทางของบันไดทั้ง 2,446 ขั้น มีโซบะทำมือ และโมจิ 3 ชนิดของขึ้นชื่อของที่นี่ ได้แก่ โมจิถั่วแดง โมจิคินะโกะ โมจินัตโตะ ที่ทางร้านตีแป้งโมจิเองด้วยครกโบราณ คำว่า จิคาระโมจิ แปลตรงตัวก็คือโมจิเพิ่มพลังนั่นเอง


ในวันที่อากาศดี ที่จุดชมวิวนอกจากจะมองเห็นที่ราบโชไนแล้ว ยังเห็นไปถึงทะเลญี่ปุ่นได้อีกด้วย


นอกจากนี้ยังมีบริการออกใบประกาศ "ผู้พิชิตบันได 2,446 ขั้น" ให้ด้วย อย่าลืมที่จะนำกลับมาเป็นของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับมาด้วย !

  • อีกหนึ่งจุดชมวิวสามดาวในมัตสึชิมะ "มัตสึชิมะ ชิไทคัง (Matsushima Shidaikan)

GoogleMap สามารถใช้ได้ฟรีโดยจะมีการจำกัดจำนวนครั้งในการแสดงผล
อาจมีบางช่วงเวลาที่ไม่สามารถเรียกดูได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมการใช้งาน

  • หน้าหลัก
  • บทความพิเศษ
  • สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในโทโฮคุที่ได้รับความสนใจในระดับโลก! แนะนำโดยมิชลินกรีนไกด์