โทโฮคุ-นีงาตะ: การเดินทางย้อนรอยความลึกลับและโรแมนติก

 แม้ว่าเราจะก้าวเข้าสู่ยุคเรวะ, ศตวรรษที่ 21 ของญี่ปุ่น  และแม้ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่จะพัฒนาก้าวหน้าไปมากเพียงใด แต่ก็ยังคงมีสถานที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยความลี้ลับและเป็นปริศนา รวมถึงปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ


ในครั้งนี้ เราจะพาคุณก้าวเข้าสู่โลกของความแปลกประหลาด ในการเดินทางย้อนรอยความลึกลับและโรแมนติกในโทโฮคุและนีงาตะ




ความลี้ลับแรกมาจากจังหวัดอะโอโมริ ในปี ค.ศ.1935 มีการค้นพบเอกสารโบราณจากศาลเจ้าโคโซะโคไทจิงกูของตระกูลทาเคอุจิในจังหวัดอิบารากิ โดยระบุว่าพระเยซูคริสต์ได้หลบหนีมายังประเทศญี่ปุ่นอย่างลับๆ และได้สิ้นพระชนม์ลงเมื่ออายุได้ 106 ปี


จากนั้นได้มีการค้นพบ หลุมฝังศพของพระเยซูคริสต์ ที่ควรถูกตรึงกางเขนบนเนินเขากลโกธาแต่กลับถูกค้นพบในหมู่บ้านชินโก (เดิมชื่อหมู่บ้านเฮไร) และยังมีความลึกลับอีกมากมายในหมู่บ้านชินโก เช่น ทฤษฎีที่ว่าชื่อเก่าของหมู่บ้านชินโก "เฮไร" นั้นมาจากคำว่า "ฮิบรู" (ภาษาญี่ปุ่นคำว่าฮิบรู (hebrew) ออกเสียงว่า เฮะบุไร)


ในทำนองเดียวกัน ตามเอกสารของทาเคอุจิยังได้ระบุอีกว่ามีพีระมิด 7 แห่งในญี่ปุ่นที่เก่าแก่กว่าพีระมิดอียิปต์ หนึ่งในนั้นคือ "โออิชิกามิพีระมิด" พีระมิดมีก้อนหินขนาดยักษ์ตั้งอยู่ด้านบนซึ่งอยู่ในหมู่บ้านชินโก


ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับสักการะดวงอาทิตย์มาตั้งแต่ครั้งโบราณ


หลุมศพพระเยชูคริสต์


http://www.vill.shingo.aomori.jp/sight/sight_main/kankou/sight-christ/


โออิชิกามิพีระมิด


http://www.vill.shingo.aomori.jp/sight/sight_main/kankou/sight-pyra/




เรื่องถัดไปที่จะแนะนำ คือ ทฤษฎีการมีอยู่ของ "ดาวหกแฉก" ในจังหวัดอิบารากิ


ในสมัยเฮอัน ช่วงที่กลุ่มโอชู-ฟูจิวาระเจริญรุ่งเรืองในดินแดนฮิราอิซูมิ


เชื่อกันว่า องเมียวจิ (นักพรตหมอผี) ที่สนับสนุนผู้ที่มีอำนาจผ่านการทำนายดวงชะตาและฮวงจุ้ย ได้สร้างขอบเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นรูปดาวหกแฉกโดยการลงอาคมไว้ที่หินเสมาของศาลเจ้าต่าง ๆ


โดยขอบเขตดังกล่าวเกิดจากการเชื่อมกันระหว่างศาลเจ้าฮักคุซัง ในภูเขาคินเคซัง ฮิราอิซุมิ, ศาลาทัคโคคุ โนะ อิวายะ บิชามอนโด, ศาลเจ้าไมคุสะ ในภูเขาคันนอน, ศาลเจ้ามิชิมะ ในเมืองฮากิโช, ศาลเจ้าทากิ, ศาลเจ้าคาชิมะที่อยู่ในหมู่บ้านที่เคยชื่อว่าโอนิชิไก และที่ตรงจุดศูนย์กลางเป็นที่ประดิษฐานของศาลเจ้าไฮชิวะ ศาลเจ้าที่เล่าลือกันว่าเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ


มีข่าวลือจากในพื้นที่ใกล้เคียงว่า หรือเพราะการมีอยู่ขอบเขตนี้ จึงเป็นเหตุที่ทำให้ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในจังหวัดอิวาเตะมาเป็นเวลานาน...




เมื่อพูดถึงศาลเจ้า ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับศาลเจ้ายาฮิโกะในจังหวัดนีงาตะ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดในดินแดนเอจิโกะ


ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ "ก้อนหินลูกไฟ-ฮิโนะทามะอิชิ (หรือก้อนหินหนักเบา-โอโมคารุโนะอิชิ)" ที่ตัวซ่อนอยู่อย่างเงียบๆ ภายในอาณาเขตของศาลเจ้า



ในช่วงยุคเคโช เกิดปรากฏการณ์ลึกลับขึ้นที่ปราสาทของแคว้นฮิโรซากิ ดินแดนสึการุ โดยมีก้อนหินลูกไฟ 2 ลูกบินวนอยู่รอบๆ ปราสาททุกคืนๆ ว่ากันว่าครั้งหนึ่งผู้ครองแคว้นได้ประสบเหตุเรืออับปางนอกชายฝั่งของอ่าวซาโดะ ในตอนนั้นเขาได้เอ่ยคำบนบานศาลกล่าวที่บนเรือเอาไว้ว่าจะสร้างประตูโทริอิถวายให้กับศาลเจ้ายาฮิโกะ จึงทำให้เขาหนีรอดมาได้ จากนั้นเขาก็ได้ทำสร้างประตูโทริพร้อมกับถวายหินลูกไฟอุทิศให้กับศาลเจ้ายาฮิโกะในทันที ก้อนหินก้อนนี้ถูกใช้เป็น "ก้อนหินทำนาย" ว่ากันว่าระหว่างที่กล่าวคำอธิษฐานอยู่ในใจให้ค่อยๆ ยกก้อนหินขึ้นมา หากรู้สึกว่าก้อนหินมีน้ำหนักเบา คำอธิษฐานนั้นก็อาจจะสัมฤทธิ์ผล แต่ถ้ารู้สึกหนักคำอธิษฐานก็อาจจะไม่สำเร็จ 


ศาลเจ้ายาฮิโกะ "ฮิโนะทามะอิชิ (โอโมคารุโนะอิชิ)" 


http://www.yahiko-jinjya.or.jp/meguru/omokaru/index.html




รูปปั้นโมอายในเกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี คือหนึ่งในสิ่งที่มีความลึกลับมากที่สุดอย่างหนึ่งในยุคปัจจุบัน


แล้วรู้หรือไม่ว่า ที่เมืองมินามิซันริคุ จังหวัดมิยากิ ก็มีรูปปั้นโมอายสุดลี้ลับนี้อยู่ด้วยเช่นกัน


สาเหตุมาจาก ในปีค.ศ. 1960 เมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศชิลี สึนามิจากอีกฟากของมหาสมุทรอันไกลโพ้นได้ถูกพัดเข้ามาที่เมืองนี้ด้วย


ทางเมืองจึงได้ใช้โอกาสนี้ในการแลกเปลี่ยนในเชิงลึกกับประเทศชิลี ต่อมาในปีค.ศ. 1991 ทางเมืองได้มอบหมายให้ประติมากรชาวชิลีสร้างรูปปั้นโมอายและนำไปตั้งไว้ในสวนสาธารณะเพื่อถ่ายทอดความทรงจำเกี่ยวกับสึนามิ


จากนั้นได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น หลังจากเกิดภัยพิบัติ เอกอัครราชทูตชิลีประจำญี่ปุ่นได้เดินทางมาเยี่ยมชม ต่อมาในปีค.ศ. 2013 ทางการชิลีได้มอบรูปปั้นโมอายตัวจริงที่แกะสลักจากหินในเกาะอีสเตอร์ซึ่งเดิมทีแล้วห้ามนำออกนอกพื้นที่ให้กับเมืองมินามิซันริคุเพื่อช่วยสนับสนุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในโลก


ปัจจุบัน รูปปั้นโมอายถูกจัดแสดงอยู่ที่ "ถนนสายช้อปปิ้งซันซัน" และสามารถชมโมอายจำลองได้ตาม "โมอายสปอต" ที่กระจายอยู่หลายแห่งทั่วเมือง


※เอื้อเฟื้อรูปภาพโดย: สมาคมการท่องเที่ยวเมืองมินามิซันริคุ


https://www.m-kankou.jp/facility/moai-spot/




ยิ่งไปกว่านั้น ในเมืองฟุคุชิมะ จังหวัดฟุคุชิมะ มีสถานที่หนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับยูเอฟโอ (UFO) สิ่งที่เปรียบเสมือนตัวแทนของเรื่องลึกลับ


บริเวณใกล้กับป่าเซ็นกันโมริ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเขตอีโนะมะจิ เมืองฟุคุชิมะ เป็นสถานที่ที่มีผู้พบเห็นวัตถุเรืองแสงปรากฏให้เห็นหลายครั้งมาตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้ชุมชนแถวนั้นร่วมมือกันส่งเสริมพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น "บ้านของยูเอฟโอ" ที่เชิงเขาป่าเซ็นกันโมริ มีการจัดตั้ง "ยูเอฟโอ ฟุเรไอ คัง" สถานที่แลกเปลี่ยนสาธารณะ ภายในมีการจัดแสดงวัตถุและป้ายนิทรรศการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยูเอฟโออย่างถาวร ในส่วนของโรงภาพยนตร์ 3 มิติ มีการฉายวิดีโอเกี่ยวกับความลึกลับที่รายล้อมอยู่โดยรอบป่าเซ็นกันโมริ หลังจากสัมผัสความลึกลับแล้ว ผู้เยี่ยมชมสามารถผ่อนคลายในบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่บนชั้น 2 ของอาคาร หรือเลือกซื้อของที่ระลึกในท้องถิ่นได้ที่ศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์


ยูเอฟโอ ฟุเรไอ คัง


https://ufonosato.com/


ไม่ว่าจะเป็นตำนาน หรือจะเป็นเรื่องจริง แต่ละเรื่องก็ล้วนมีทฤษฎีเป็นของตัวเอง แต่การเดินย้อนรอยความลึกลับและโรแมนติกในโทโฮคุและนีงาตะนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และบางครั้งก็อบอุ่นหัวใจ ออกไปตามหาแหล่งที่มาที่ไม่ว่าจะเป็นเพียงประวัติศาสตร์ ทฤษฎี หรือเรื่องเล่าขานที่เล่าสืบต่อกันมา มาร่วมกันเปิดประตูสู่ความมหัศจรรย์นี้ไปด้วยกัน



※มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับที่มาของเนื้อหาที่นำเสนอในบทความนี้