เส้นทางตระเวนรอบเมืองและผ่อนคลายกับสุนัขอะคิตะในโทโฮคุ

เวลาที่จำเป็น
เวลาที่จำเป็น : 2 คืน 3 วัน
วิธีเดินทางหลัก
วิธีเดินทางหลัก : รถยนต์
แผนที่พื้นที่ 青森県 岩手県 宮城県 秋田県 山形県 福島県 新潟県

หลักสูตรนี้จะพาคุณผ่านเมืองต่างๆ ของโทโฮคุ ซึ่งยังคงเหลือสถาปัตยกรรมที่ชวนให้นึกถึงอดีตและคฤหาสน์ซามูไร

แต่ละเมืองมีบรรยากาศที่แตกต่างกัน และการเดินเล่นรอบเมืองก็สนุกมาก

คุณยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ปฏิสัมพันธ์กับสุนัขอาคิตะแสนน่ารักได้อีกด้วย

(โมริโอกะ - ทะเลสาบทาซาวะ - คาคุโนะดาเตะ - อะคิตะ - โอกะ - โอดาเตะ - ฮิโรซากิ - อะโอะโมะริ)

ญี่ปุ่นในอีกรูปแบบหนึ่ง เส้นทางขับรถสำรวจโทโฮคุ ~ทริปสำรวจสี่ฤดูกาลและประวัติอันยาวนานของโทโฮคุ~

เริ่มต้น
วันที่ 1
สนามบินเซนได/ฮานามากิ สถานีอิจิโนะเซกิ

วัดจูซนจิ

สวยงามอลังการ! วิหารสีทองเปล่งประกาย

วัดจูซนจิ
"มรดกทางวัฒนธรรมฮิระอิซุมิ" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2011 วัดจูซนจิเป็นที่รู้จักเพราะ "วิหารคนจิคิโด" ซึ่งเปล่งประกายสีทองอย่างสวยงามอลังการ แต่ก็ยังมีจุดน่าชมอื่นๆ อีกมากมาย! ไม่ว่าจะเป็น "วิหารเบงเคโด" "วิหารยะคุชิโด" "วิหารหลักฮงโด" เป็นต้น
วัดจูซนจิสร้างขึ้นเมื่อปี 850 โดยพระที่มีสมณศักดิ์สูงนามจิคะคุไดชิเอ็นนิน จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 12 คิโยะฮิระ ผู้ครองแคว้นโอชูรุ่นแรกของตระกูลฟุจิวะระก็ได้สร้างวัดขนาดใหญ่ขึ้น เพื่ออธิษฐานให้สังคมสงบสุขดั่งในอุดมคติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเนื่องจากคิโยะฮิระเสียครอบครัวไปในสงคราม ฮิระอิซุมิเคยเป็นแหล่งผลิตทองที่รุ่งเรืองยาวนานเกือบ 100 ปีตั้งแต่โมะโตะฮิระรุ่นที่สองและฮิเดะฮิระรุ่นที่สาม จนยะซุฮิระรุ่นที่สี่โดนตระกูลมินาโมโตะทำลายล้างวิหารคนจิคิโดเป็นสถาปัตยกรรมทรัพย์สินของญี่ปุ่นหมายเลข 1 และได้รวมเทคนิคศิลปหัตถกรรมในสมัยนั้นเอาไว้ เช่น งานประดับตกแต่งด้วยมุก งานฉลุลาย วาดลงลวดลายทองหรือเงินบนเครื่องเขิน “ซังโคโซ” เป็นที่เก็บทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญอย่างพระพุทธรูป รวมถึงเป็นคลังสมบัติเก็บศิลปะเกี่ยวกับพระพุทธรูปที่เลื่องชื่อของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก ทั้งยังถ่ายทอดประวัติศาสตร์พร้อมกับความรุ่งโรจน์ของตระกูลฟุจิวะระผู้ครองแคว้นโอชูให้แก่ผู้คนในยุคปัจจุบันอีกด้วย
ซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้เขียวชอุ่มในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และหิมะในฤดูหนาว ทิวทัศน์ในแต่ละฤดูกาลที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมกับธรรมชาติก็มีเสน่ห์น่าหลงใหลเช่นกัน
การใช้บริการรถบัสนำเที่ยวหรือจักรยานเช่าจะสะดวกในการตระเวนเที่ยวฮิระอิซุมิ รถบัสนำเที่ยว “รุนรุน” จะเริ่มต้นที่สถานี JR ฮิระอิซุมิ โดยหนึ่งรอบจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการวนตามสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เช่น วัดจูซนจิและวัดโมซือจิ ส่วนจักรยานเช่า “รินริน” มีบริการให้เช่าอยู่ภายในระยะเดินจากสถานี JR ฮิระอิซุมิ โปรดสอบถามกับศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยวของสถานี

สวนซากปราสาทโมริโอกะ (สวนอิวะเตะ)

ห้ามพลาดชมความงามของกำแพงหิน! มาดื่มด่ำกับมนต์เสน่ห์ในแต่ละฤดูกาลที่ซากปราสาท

สวนซากปราสาทโมริโอกะ (สวนอิวะเตะ)
"ปราสาทโมริโอกะได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและหนึ่งในร้อยอันดับปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น ปราสาทตั้งอยู่ในจุดที่เดินทางง่ายโดยใช้เวลาเดิน 15 นาทีจากสถานีโมริโอกะ
เทศกาลซากุระ” ในฤดูใบไม้ผลิจะมีคนมากันอย่างคับคั่ง ซากุระที่เปล่งประกายจากแสงของโคมไฟในช่วงกลางคืนก็จะมาช่วยสะกดผู้คนให้หลงใหลด้วย เดือนพฤษภาคมจะมีซุ้มดอกวิสทีเรียและเดือนกรกฎาคมจะมีดอกไฮเดรนเยียมาแต่งแต้มสีสันสวยงามให้บริเวณบ่อน้ำสึรุกะ ในฤดูใบไม้ร่วงจะมีใบเมเปิ้ลและใบแปะก๊วยเปลี่ยนสีมาช่วยเสริมความงามให้กับกำแพงหินที่อยู่ด้านหลัง “โมริโอกะยูกิอาคาริ” ในฤดูหนาวจะมีกระท่อมหิมะจิ๋วจุดไฟสว่างมารังสรรค์ให้ภายในสวนมีความมหัศจรรย์ ที่นี่เป็นสวนอันเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทิวทัศน์จะแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลทั้งสี่
ปราสาทโมริโอกะเริ่มสร้างในปี 1597 และเรียกกันว่าปราสาทโคซุคาตะ เป็นปราสาทสำหรับอยู่อาศัยของผู้ครองแคว้นแต่ตัวปราสาทพังไปเกือบหมดในปี 1874 แต่กำแพงหินยังคงอยู่ในสภาพสวยงามและมีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ให้เป็นสวนในปี 1906
ปัจจุบันคุ้นเคยกันในชื่อ “สวนซากปราสาทโมริโอกะ” และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “ร้อยอันดับสวนทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น”
มีศิลาจารึกของเหล่าบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับสถานที่แห่งนี้ เช่น ศิลาจารึกบทเพลงของอิชิคาวะ ทาคุโบคุ ศิลาจารึกบทกวีของมิยะซะวะ เค็นจิ และศิลาจารึกงานประพันธ์ของนิโตเบะ อินาโซ

อาคารหลังคาแดง ธนาคารอิวาเทะ

อาคารหลังคาแดง ธนาคารอิวาเทะ
อาคารแห่งนี้แต่เดิมเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารโมริโอกะ สร้าขึ้นเมื่อปีเมจิที่ 44 (1911) โดยทัตสึโนะ คิงโกะ ผู้ออกแบบสถานีรถไฟโตเกียว และคะไซ มันจิ ถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ ภายในอาคารแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ โซน "ธนาคารโมริโอกะ (คิดค่าเข้าชม)" ที่มีนิทรรศการต่างๆเกี่ยวกับอาคารแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง ผู้ออกแบบ และประวัติของธนาคาร และโซน "ธนาคารอิวาเตะ (ฟรี)" ที่เปิดโอกาสให้คนในชุมชนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้

โมริโอกะบะหมี่เย็น

ความแน่นของเส้นบะหมี่ทำให้ติดใจ

โมริโอกะบะหมี่เย็น
สร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรกโดยคนจากเปียงยางบนคาบสมุทรเกาหลี และปรับปรุงรสชาติดั้งเดิม ปัจจุบันมีร้านค้าหลายแห่งในเมืองโมริโอกะที่ให้บริการ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติที่แต่ละร้านภาคภูมิใจได้ เส้นหมี่เย็นโมริโอกะมีลักษณะพิเศษคือเส้นโปร่งแสงที่เหนียวนุ่มซึ่งทำจากแป้งสาลีและแป้งมันฝรั่ง เส้นบะหมี่มีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ซุปเข้มข้นที่ทำจากกระดูกวัว และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความเผ็ดและความเปรี้ยวของกิมจิ หลายๆ คนติดใจ โดยมัน คนที่ไม่ชอบเผ็ดสามารถปรับความเผ็ดได้โดยการปรับปริมาณกิมจิ คุณสามารถลองทำบะหมี่ด้วยมือได้ที่เวิร์คช็อป Pyonpyonsha Reimen ในหมู่บ้านแฮนด์เมดโมริโอกะ
บะหมี่เย็นเป็นหนึ่งในสามบะหมี่หลักของโมริโอกะ (วังโกะโซบะ บะหมี่เย็น และจาจาเม็ง)

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเมืองโมริโอกะ

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเมืองโมริโอกะ
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเมืองโมริโอกะเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ (ฟิลด์มิวเซียม) ที่รวมเอาปราสาทโมริโอกะกับเมืองโจกะมาจิ (เมืองใจกลาง) เข้าไว้ด้วยกันเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เมืองกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้นในฐานะที่เป็นศูนย์รวมชุมชนและการเรียนรู้ที่จัดเก็บ อนุรักษ์ และเผยแพร่ข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เราจะรักษาความเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแห่งใหม่อันเป็น "เมืองโมริโอกะที่สามารถเดินเล่นได้ทุกเมื่อ"

พิพิธภัณฑ์เครื่องเหล็กร็อค

คุณสามารถชมกระบวนการผลิตกาต้มน้ำเหล็กนันบุซึ่งเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมได้ เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ร้านของเราพร้อมสินค้าให้เลือกมากมาย

พิพิธภัณฑ์เครื่องเหล็กร็อค
โรงงานสไตล์สวนสนุกที่คุณสามารถชมงานฝีมือของช่างทำหม้อได้อย่างใกล้ชิดแกลเลอรีเครื่องเหล็กซึ่งมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายมากที่สุดในจังหวัดก็เป็นสถานที่ที่ต้องไปชมเช่นกันเครื่องเหล็กนัมบุถูกผลิตขึ้นด้วยกระบวนการและมือมนุษย์มากมายพิพิธภัณฑ์เครื่องเหล็กอิวาชูเป็นสถานที่ที่คุณสามารถชมกระบวนการผลิตเครื่องเหล็กได้อย่างใกล้ชิดหลังจากเพลิดเพลินกับโลกแห่งการผลิตแบบไดนามิกและละเอียดอ่อน เช่น การหล่อและการระบายสีแลคเกอร์แล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังแกลเลอรีนิทรรศการที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายมากที่สุดในจังหวัดพนักงานของเราซึ่งเชี่ยวชาญด้านวิธีการผลิตและการใช้งานสามารถช่วยงานเครื่องเหล็กได้ทุกด้านรูปแบบใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นทุกวันตามประเพณีที่มีมายาวนานกว่า 400 ปีเชิญมาสัมผัสกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ Nambu Tekki

สึนางิออนเซ็น

โมริโอกะโนะโอคุซาชิกิ, น้ำพุร้อนที่เกี่ยวพันกับมินาโมโตะโนะโยชิอิเอะ

สึนางิออนเซ็น
เมืองออนเซ็นริมอ่างเก็บน้ำชื่อ “ทะเลสาบโกโชะ” มีวิวสวยๆ ซึ่งเกิดขึ้นมาจาก “สะพานสึนางิโอฮาชิ” ที่ทอดข้ามทะเลสาบและภูเขาอิวะเตะให้ได้เพลิดเพลินกัน
สึนางิออนเซ็นมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 900 ปี และชื่อของมันตั้งมาจากตอนที่นายพลมินาโมโตะโนะโยชิอิเอะผูกม้าตัวโปรดเอาไว้กับหินก่อนจะลงแช่เมื่อศตวรรษที่ 11 ภายในศาลเจ้าสึนางิออนเซ็นจึงมีหินสึนางิอยู่ ผู้คนจำนวนมากคุ้นเคยดีว่าเป็น “โมริโอกะโนะโอคุซาชิกิ (สถานที่พักผ่อนแห่งโมริโอกะ)” น้ำพุร้อนมีคุณสมบัติเป็นด่างและมีชื่อเสียงว่าเป็นน้ำพุร้อนผิวงามซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวและทำให้ผิวลื่นเรียบเนียน อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการมีกรดเมตาซิลิเกตอันเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติซึ่งกำลังเป็นที่สนใจรวมอยู่ด้วย
ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีโดยนั่งรถยนต์ 30 นาทีจากสถานีโมริโอกะ นอกจากบริเวณใกล้เคียงจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ฟาร์มโคะอิวะอิ” และ “หมู่บ้านสิ่งประดิษฐ์มือโมริโอกะ” แล้ว ยังเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบโทะวะดะ ฮะจิมันไท คะคุโนะดะเทะ ชายหาดโจโดะงาฮามะ ฮิราอิซุมิได้ง่ายอีกด้วย จึงขอแนะนำให้เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวโทโฮคุตอนเหนือ เมืองออนเซ็นมีที่พักใหญ่น้อยมากมาย ฉะนั้นคุณน่าจะหาโรงแรมที่ถูกใจได้ไม่ยาก
เทศกาลทะเลสาบโกโชะในฤดูร้อนจะมีการจุดดอกไม้ไฟแสนงดงามเหนือท้องทะเลสาบ จึงต้องไม่พลาดมาเพลิดเพลินกับทะเลสาบไปพร้อมกับทิวทัศน์ทั้งสี่ฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้สีเขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะกันได้ที่นี่
วันที่ 2

ทะเลสาบทะซะวะ และรูปปั้นทัตสึโกะ

สีน้ำเงินเข้มน่าพิศวง พาวเวอร์สปอตที่น้ำลึกที่สุดในญี่ปุ่น

ทะเลสาบทะซะวะ และรูปปั้นทัตสึโกะ
ทะเลสาบทาซาวะ จุดชมวิวที่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 จุดชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
ทะเลสาบที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่น มีความลึก 423.4 เมตร สีของน้ำบนพื้นผิวของทะเลสาบที่เปลี่ยนจากสีน้ำเงินอัญมณีไพฑูรย์ เป็นสีน้ำเงินของท้องฟ้า และเป็นสีน้ำเงินครามนั้นควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม และอยากให้ลองมาทำกิจกรรมในทะเลสาบที่มีทั้งการล่องเรือชมทิวทัศน์ ปั่นเรือถีบ พายเรือแคนู เรือคายัค และพายซับบอร์ด (SUP) เป็นต้น นอกจากนี้ สีสันของน้ำในทะเลสาบจะเปลี่ยนไปตามองศาที่คุณมอง จึงแนะนำให้ทำกิจกรรม เช่น ปั่นจักรยาน เดินป่า และขับรถเลียบทะเลสาบ หรือหากมาตั้งแคมป์ก็จะได้เพลิดเพลินกับสีสันของทะเลสาบที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา
"รูปปั้นทัตสึโกะ" รูปปั้นผู้หญิงสีทองที่มีฉากหลังเป็นทะเลสาบอันงดงาม จุดท่องเที่ยวชื่อดังของทะเลสาบทะซะวะ สร้างขึ้นตามตำนานที่ว่า เมื่อนานมาแล้วมีหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อว่าทัตสึโกะ เธอปรารถนาให้ความงดงามของเธอเป็นนิรันดร์ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้กลายเป็นมังกร เธอจึงกระโจนตัวเองลงไปในทะเลสาบทะซะวะ และยังมีตำนานเล่าต่ออีกว่า ที่ทะเลสาบที่มีชื่อว่าฮาจิโร่กะตะ มีชายคนหนึ่งชื่อฮาจิโร่ทาโร่ได้กลายร่างจากมนุษย์ไปเป็นมังกรและได้มาหลงรักกับทัตสึโกะ ต่อมาทั้งสองได้มาอาศัยอยู่ด้วยกันที่ทะเลสาบทะซะวะ ทะเลสาบจึงลึกขึ้นเรื่อยๆ จนไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ในขณะที่ทะเลสาบฮาจิโร่กะตะซึ่งไร้เจ้าของกลับตื้นเขินขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีๆ
และยังมีรูปปั้นอื่นที่เกี่ยวข้องกับตำนานทัตสึโกะอีก คือ รูปปั้นกวนอิม "คันนอนทัตสึโกะ" บนชายฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ และรูปปั้น "เจ้าหญิงทัตสึโกะ" ที่ตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ รวมทั้งหมด 3 รูปปั้น และที่อยู่ที่ติดกับรูปปั้นทัตสึโกะ คือ "ศาลเจ้าอุคิกิ" จุดเสริมพลังเรื่องการครองคู่ ส่วน "ศาลเจ้าโกซะโนะอิชิ" มีเทพเจ้าเจ้าหญิงทัตสึโกะ (ทัตสึโคฮิเมะ โนะ คามิ) เป็นเทพเจ้าประจำศาลเจ้า ขึ้นชื่อเรื่องการให้พรที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ประตูโทริอิสีแดงเป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยม

คฤหาสน์ตระกูลนักรบคาคุโนะดาเตะ

มาย้อนเวลาไปกับ “เกียวโตจิ๋วแห่งมิจิโนะคุ”

 คฤหาสน์ตระกูลนักรบคาคุโนะดาเตะ
คะคุโนะดะเทะเป็นเมืองรอบปราสาทที่เคยเจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะและได้รับฉายาว่า ""เกียวโตจิ๋วแห่งมิจิโนะคุ"" โดยภายในพื้นที่เล็กๆ รัศมี 2 กม. มีสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยโบราณหลงเหลืออยู่จำนวนมาก เช่น คฤหาสน์ซามูไร จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติแห่แหนกันมาเพื่อชมเมืองอันงดงามแบบย้อนยุค ถนนเส้นหลักที่ตัดผ่านระหว่างกลุ่มคฤหาสน์ซามูไรได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นเขตอนุรักษ์กลุ่มสถาปัตยกรรมดั้งเดิมสำคัญของญี่ปุ่นและได้รับการอนุรักษ์เป็นสมบัติทางวัฒนธรรม
คุณสามารถเยี่ยมชมคฤหาสน์ซามูไรของจริงจำนวนมากได้ เช่น “คฤหาสน์อิชิกุโระ” “หมู่บ้านประวัติศาสตร์คะคุโนะดะเทะ คฤหาสน์อาโอยางิ” “คฤหาสน์อิวาฮาชิ” “คฤหาสน์มัตสึโมโตะ” “คฤหาสน์คาวาราดะ” ในบรรดานั้นมีคฤหาสน์ที่ยังใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยแม้ในปัจจุบันนี้ด้วย บริเวณโดยรอบมีร้านให้เช่าชุดกิโมโนอยู่หลายแห่งจึงขอแนะนำให้เปลี่ยนไปสวมชุดกิโมโนโบราณแล้วไปเดินเล่น การเดินเล่นท่ามกลางบ้านเมืองที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่นในชุดกิโมโนจะทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วจะยิ่งรู้สึกเช่นนั้นมากขึ้นเมื่อนั่งรถลากตระเวนไปตามถนนหนทางจาก “พิพิธภัณฑ์ศิลปะหัตถกรรมจากเปลือกไม้ซากุระ”
มีกลิ่นอายที่แตกต่างไปตามฤดูกาลทั้งสี่ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้เขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะ แต่โด่งดังเป็นพิเศษในฐานะเป็นจุดชมซากุระชื่อดังและจะมีผู้คนมากมายมากันอย่างคับคั่งตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นช่วงเหมาะกับการชม สีซากุระของซากุระพันธุ์กิ่งย้อยที่สง่างามอยู่บนรั้วสีดำของคฤหาสน์ซามูไรนี้เป็นวิวธรรมชาติที่สวยงาม มีซากุระพันธุ์กิ่งย้อยเรียงรายกว่า 400 ต้นและ 162 ต้นในบรรดานั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติของญี่ปุ่นอีกด้วย
ทำเลดีโดยใช้เวลาเดิน 15-20 นาทีจากสถานี JR คะคุโนะดะเทะ และ “คะคุโนะดะเทะเอกิมาเอะคุระ” อาคารสไตล์โกดังที่ตั้งอยู่หน้าสถานีได้กลายเป็นศูนย์แนะนำข้อมูลท่องเที่ยว ซึ่งการหยิบแผนที่หรือแผ่นพับนี้จะช่วยให้คุณเที่ยวได้สะดวกสบาย

ศูนย์ถ่ายทอดศิลปะพื้นบ้านชาวอะคิตะ (เนบุรินากาชิคัง)

ประสบการณ์ชมโคมไฟคันโตของจริงขนาดมหึมา

ศูนย์ถ่ายทอดศิลปะพื้นบ้านชาวอะคิตะ (เนบุรินากาชิคัง)
เป็นสถานที่ที่แนะนำงานประเพณีและศิลปะหัตกรรมพื้นบ้านของเมืองอะคิตะ เช่น คันโต อะคิตะมันไซ โดยใช้เอกสารและสื่อวิดีโอในการนำเสนอ ทึ่งไปกับความอลังการของโคมไฟคันโตของจริงขนาดมหึมาที่ตั้งเรียงรายอยู่ในห้องโถงนิทรรศการแบบเพดานสูงโล่ง อีกทั้งยังสามารถเข้าร่วมประสบการณ์การแสดงคันโตโดยถือไว้ที่มือได้ด้วย

พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (เมืองโอกะ จังหวัดอะคิตะ)

นะมะฮะเกะมารวมกันที่นี่มากมายกว่า 150 แบบ! และมุมแปลงโฉมก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (เมืองโอกะ จังหวัดอะคิตะ)
นามาฮาเกะ งานประเพณีพื้นบ้านดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในคาบสมุทรโอกะและบริเวณโดยรอบ การสวมหน้ากากยักษ์พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนไปด้วยว่า "มีเด็กร้องไหมมม" คนจึงมักคิดกันว่าเป็นปีศาจร้ายที่ชอบทำให้เด็กร้องไห้ แต่แท้จริงแล้ว นามะฮาเกะนั้นเป็นเทพที่เสด็จลงมาในวันส่งท้ายปีเก่าของทุกปีเพื่อคอยตักเตือนผู้คนไม่ให้เกียจคร้าน ช่วยให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ การเก็บเกี่ยวนาข้าวและพืชผลต่างๆ ได้ผลผลิตดี ภูเขาอุดมสมบูรณ์ ทะเลก็อุดมสมบูรณ์
"พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" เป็นสถานที่แนะนำประวัติศาสตร์และภูมิอากาศของพื้นที่แถบนี้โดยมีนามาฮาเกะเป็นหัวข้อจัดแสดงหลัก ที่มุมจัดแสดงเกี่ยวกับนามาฮาเกะ มีการจัดแสดงหน้ากากหลายแบบหลายลายที่ถูกใช้จริงในแต่ละหมู่บ้านมากถึง 150 ชิ้น ส่วนที่ห้องโถงแห่งตำนานมีการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "ค่ำคืนหนึ่งของนามาฮาเกะ" ที่มีการแนะนำวัฒนธรรมนามาฮาเกะในวันส่งท้ายปีเก่า
นอกจากจะมีมุมที่คุณสามารถถ่ายรูปที่ระลึกขณะสวมใส่ชุดนามาฮาเกะของจริงได้แล้ว (ปัจจุบันปิดทำการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19) ยังมีมุมจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับนามาฮาเกะอีกด้วย และถ้าหากคุณโชคดี คุณอาจได้ชมช่างแกะสลักนามาฮาเกะทำการสาธิตแกะสลักหน้ากากด้วยมือ (จัดขึ้นเป็นครั้งคราว)
ติดกับ "พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ" คือ "พิพิธภัณฑ์ตำนานพื้นบ้านโอะกะชินซัน" ที่ซึ่งสามารถชมการแสดงจริงของนามาฮาเกะ หากมีโอกาส โปรดเดินทางมาเยี่ยมชมทั้งสองแห่งและเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมพื้นบ้านนามาฮาเกะที่ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้โดยยูเนสโก

โอกะออนเซ็น

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีเอกลักษณ์และเป็นเอกลักษณ์ของอาคิตะ

โอกะออนเซ็น
โอกะออนเซ็น ดินแดนแห่งตำนานนามาฮาเกะและบ่อน้ำพุร้อนที่มีประสิทธิภาพ มีเกลือที่คล้ายกับน้ำทะเล ให้ความชุ่มชื้นสูงและสวยงามสำหรับผิว เพื่อเป็นความสุขในการทำอาหาร คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับ ``อาหารย่างหิน'' ซึ่งเป็นเมนูพิเศษของ Oga นอกจากนี้เรายังมีการแสดงนามาฮาเงะไทโกะแบบถาวร ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงท้องถิ่นที่ผสมผสานนามาฮาเกะและกลองญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน
วันที่ 3

หมู่บ้านสุนัขอะคิตะ ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเมืองโอดาเตะ (เมืองโอดาเตะ จังหวัดอะคิตะ)

“หมู่บ้านสุนัขอะคิตะ” สถานที่ที่คุณสามารถพบกับสุนัขอะคิตะที่โอดาเตะบ้านเกิดของ “ฮาจิโกะ” สุนัขอะคิตะยอดกตัญญู ตั้งอยู่ที่หน้าสถานีโอดาเตะ

หมู่บ้านสุนัขอะคิตะ ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเมืองโอดาเตะ (เมืองโอดาเตะ จังหวัดอะคิตะ)
“หมู่บ้านสุนัขอะคิตะ” ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเมืองโอดาเตะสถานที่ที่คุณสามารถพบกับสุนัขอะคิตะได้ ซึ่งได้เปิดให้บริการในปี 2019 ที่หน้าสถานีโอดาเตะภายนอกของอาคารจะถูกจำลองตามแบบสถานีชิบูย่าในสมัยไทโชที่ “ฮาจิโกะ” สุนัขแสนซื่อสัตย์ที่มีบ้านเกิดที่เมืองโอดาเตะ รอคอยเจ้าของของมันทุกวันภายในนั้น นอกจาก "ห้องจัดแสดงนิทรรศการสุนัขอะคิตะ” ที่คุณจะได้พบกับสุนัขอะคิตะแล้ว ยังมี "พิพิธภัณฑ์สุนัขอะคิตะ” ที่จัดแสดงเอกสารบันทึกที่เกี่ยวข้องกับสุนัขอะคิตะ รวมทั้ง “มุมของฝาก” ด้วย

โถงวงกลมหินโอยุ (เมืองคาซูโนะ จังหวัดอาคิตะ)

ย้อนเวลากลับไปสมัยโจมง! วงกลมหินอาคิตะ

โถงวงกลมหินโอยุ (เมืองคาซูโนะ จังหวัดอาคิตะ)
คุณสามารถชมเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดจากวงแหวนหินโอยุ ซึ่งเป็นซากปรักหักพังจากปลายยุคโจมง (ประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว) และเรียนรู้เกี่ยวกับวงแหวนหินโอยุ คุณยังสามารถลองทำเครื่องปั้นดินเผาและจี้ด้วยมือของคุณได้ที่เวิร์กช็อปประสบการณ์

สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)

เพลิดเพลินไปกับหอคอยและปราสาทฮิโรซากิที่ยังเหลืออยู่ และความงดงามตลอดทั้งสี่ฤดูกาล

สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)
 ปราสาทฮิโรซากิซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1611 เปิดให้เป็น "สวนสาธารณะฮิโรซากิ" ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1895 นับแต่นั้นเป็นต้นมาประชาชนและนักท่องเที่ยวมากมายก็ได้รับความเพลิดเพลินจากสวนแห่งนี้
หอคอยปราสาท ประตูปราสาท 5 แห่ง และป้อมปราการ 3 แห่งที่หลงเหลือมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ


ภายในสวนฮิโรซากิมีต้นซากุระปลูกอยู่ 52 สายพันธุ์ ประมาณ 2,600 ต้น และเป็น "1 ใน 3 จุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น" นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น โซเมโยชิโนะ ต้นซากุระที่มีอายุยืนยาวที่สุดในสวนฮิโรซากิ ซึ่งมีอายุมากกว่า 140 ปี, การประดับไฟที่ต้นซากุระในช่วงกลางคืน,  และ "แพซากุระ" กลีบดอกซากุระที่ร่วงหล่นเป็นแพอยู่เต็มคูเมือง เป็นต้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการจัดงาน "เทศกาลดอกซากุระฮิโรซากิ" ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจากภายในและนอกจังหวัด
ปัจจุบัน หอคอยปราสาทฮิโรซากิถูกเคลื่อนย้ายไปด้านในของป้อมปราการชั้นในเพื่อทำการซ่อมแซมกำแพงหิน ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพภูเขาอิวากิ หรือที่รู้จักในชื่อฟูจิแห่งสึงารุ ร่วมกับดอกซากุระและหอคอยปราสาทได้เฉพาะในช่วงเวลานี้เท่านั้น


นอกจากนี้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบของต้นเมเปิลประมาณ 1,000 ต้น และต้นซากุระ 2,600 ต้นจะเปลี่ยนเป็นสีสดใส, "เทศกาลดอกเบญจมาศและใบไม้เปลี่ยนสีฮิโรซากิ" ที่มีการประดับตกแต่งสถานที่จัดงานด้วยดอกเบญจมาศและฟลาวเวอร์อาร์ท, ในฤดูหนาวจะมีการจัด "เทศกาลโคมไฟหิมะในปราสาทฮิโรซากิ" สร้างโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วยโคมไฟหิมะและประติมากรรมหิมะราว 150 ชิ้น ที่ชาวเมืองร่วมกันขึ้นมา และกระท่อมหิมะคามาคุระขนาดจิ๋วประดับไฟ 300 หลัง  เป็นต้น สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามได้ในทุกฤดูกาล

หมู่บ้านเนปุตะ โดเมนสึการุ

สิ่งอำนวยความสะดวกที่คุณสามารถสัมผัสเสน่ห์ของสึการุได้อย่างเต็มที่

หมู่บ้านเนปุตะ โดเมนสึการุ
นี่คือสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสเสน่ห์ของสึการุได้อย่างครบถ้วน รวมถึงนิทรรศการฮิโรซากิ เนปุตะ มุมสาธิตการทำปลาทองเนปุตะ และการแสดงสดของเนปุตะ ฮายาชิ และสึการุ ชามิเซ็นนอกจากนี้ยังมีมุมจำหน่ายผัก แอปเปิ้ล ข้าว และสินค้าอื่นๆ จากฟาร์มโดยตรง รวมถึงสินค้าหัตถกรรมอีกด้วย
●พื้นที่ทัวร์แบบชำระเงิน (30-45 นาที)นิทรรศการเนปูตะขนาดใหญ่ขนาดเท่าของจริงที่คุณจะได้เห็นโครงของเนปูตะขนาดใหญ่สูง 10 เมตร การสาธิตดนตรีฟลุตและกลอง ประสบการณ์ตีกลองไทโกะ และโกดังเก็บข้าวสึการุจากยุคศักดินาที่ได้รับการกำหนดให้เป็นสิ่งแปลกตา อาคารในเมืองฮิโรซากิ คุณสามารถชมวิธีการทำงานฝีมือ เช่น ว่าวและเครื่องเขินสึการุ และการแสดงสดสึการุชามิเซ็นทุกวันคุณยังสามารถเที่ยวชมสวนญี่ปุ่น ``โยกิเอ็น'' ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานที่ได้รับการจดทะเบียนระดับชาติ และ ``โยกิ-อัน'' ห้องชงชาที่กำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของเมืองฮิโรซากิ Yokien เป็นสวนสไตล์ Oishi Takegaku เฉพาะของ Tsugaru ที่ยืมทิวทัศน์จากภูเขา Iwaki และต้นสนเก่าแก่ของสวน Hirosaki
●ประสบการณ์ (โปรดดูรายละเอียดที่หน้าแรก)คุณสามารถลองงานฝีมือต่างๆ ได้ เช่น ภาพวาดปลาทองเนปุตะ (1,500 เยน) ภาพวาดว่าวสึการุ (1,300 เยน) ภาพวาดระฆังดินเผาแอปเปิ้ล (1,500 เยน) และงานหัตถกรรมดินเหนียวสึการุ (1,500 เยน)
● ชอปปิ้ง (ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม)นอกจากร้านขายเสาอากาศที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ป่าไม้ และประมง ของที่ระลึก และงานฝีมือจากจังหวัดแล้ว ยังมีร้านขายตรงของ JA ที่ขายแอปเปิ้ลและผัก และร้านข้าวเกรียบอบมืออีกด้วยตลาดเช้าจะจัดขึ้นทุกเช้าวันอาทิตย์ (6:30-7:30 น.) ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงตุลาคม ซึ่งมีผักและผลไม้จากจังหวัดอาโอโมริจำหน่าย (โปรดตรวจสอบหน้าแรกเพื่อดูรายละเอียด)
●อาหาร (ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม)คุณสามารถรับประทานอาหารที่ ``สึการุ อุไมยะ'' ซึ่งเป็น ``ร้านค้ามรดกวัฒนธรรมอาหารสึการุ'' ที่ให้บริการอาหารปรุงเองที่บ้านซึ่งสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในสึการุอยู่รอด สามารถรองรับกลุ่มได้ถึง 200 คน
(ข้อมูล ณ วันที่ 2023.9.30)

บ้านเนบุตะ วะรัสเซ

มีการจัดแสดงเนบุตะขนาดใหญ่สี่อันที่ปรากฎในช่วงเทศกาลเนบุตะ คุณสามารถสัมผัสอาโอโมริเนบุตะได้ด้วยการจัดประสบการณ์เทศกาลทุกวัน

บ้านเนบุตะ วะรัสเซ
[ภาพรวมสิ่งอำนวยความสะดวกหลัก]คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโครงสร้างของเทศกาลเนบุตะได้  1. การแสดงสดเนบุตะ ฮายาชิ และการแสดงประสบการณ์ฮาเนโตะ วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เฉพาะ 11.00 น. 13.00 น. 15.00 น. (ครั้งละ 30 นาที)2. ประสบการณ์เทศกาลเนบุตะ วันธรรมดา 11:10, 13:10, 15:10 (ครั้งละ 20 นาที)3. ประสบการณ์ติดกระดาษ 10.00 น., 14.00 น. (ครั้งละ 30 นาที)4. บริการคัดกรองเนบุตะ 9:30, 10:00, 11:00, 12:00, 13:00, 14:00, 15:00, 16:00, 17:00 (ครั้งละ 10 นาที)(เพิ่มเวลา 18:00 น. ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม)*จะไม่มีวิดีโอหากมีการแสดงดนตรีสดและการแสดงประสบการณ์ฮาเนโตะระยะเวลาการใช้งานพิพิธภัณฑ์เนบุตะ พฤษภาคม-สิงหาคม 9:00-19:00 น. กันยายน-เมษายน 9:00-18:00 น.ร้านค้าเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 9:00-19:30 น. กันยายน-เมษายน 9:00-18:30 น.ร้านอาหาร พฤษภาคม-สิงหาคม 11:00-20:00 น. กันยายน-เมษายน 11:00-19:00 น.*ที่จอดรถฟรี 1 ชั่วโมงสำหรับผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เนบุตะมีระบบส่วนลดสำหรับคนพิการ
(ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2563)

ซากปรักหักพังโบราณสถานพิเศษซันไน มารุยามะ

ซากปรักหักพังโบราณสถานพิเศษซันไน มารุยามะ
ซากปรักหักพังซันไน มารุยามะเป็นหนึ่งในซากปรักหักพังที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นับตั้งแต่ยุคโจมงตอนต้นถึงกลาง โบราณวัตถุที่ต้องใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น รูปปั้นดินเผาที่มีลักษณะคล้ายจาน เสาไม้ขนาดยักษ์ และการทาสีลงรัก ถูกขุดพบ และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ก็ถูกกำหนดให้เป็นโบราณสถานพิเศษระดับชาติ นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 "ซากปรักหักพังโจมงในฮอกไกโดและโทโฮคุตอนเหนือ" รวมถึงซากปรักหักพังซันไน มารุยามะ ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่โจมน จิยูคัง สิ่งของที่ขุดพบจะถูกจัดแสดงในห้องนิทรรศการถาวร ``พิพิธภัณฑ์ซันมารุ'' วิดีโอแนะนำซากปรักหักพังจะแสดงที่โรงละครโจมง และในเวิร์คช็อปสัมผัสประสบการณ์ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์สร้างสิ่งต่างๆ (สำหรับรายละเอียด โปรดดูที่ ``ซันมารุ พิพิธภัณฑ์'') โปรดตรวจสอบเวิร์คช็อปประสบการณ์ซากปรักหักพัง Uchimaruyama)นอกจากนี้ ไกด์อาสาสมัครยังจัดทัวร์ชมซากปรักหักพังอีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ
อาคารหลังนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่ขุดค้นซากปรักหักพังซันไน มารุยามะ ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกหน้าใหม่ จุน อาโอกิ คุณสามารถชมภาพวาดพื้นหลังเวทีสำหรับบัลเล่ต์ผลงานชิ้นเอกของ Chagall เรื่อง "Aleko" ขนาดประมาณ 9 x 15 เมตร รวมถึงผลงานของศิลปินที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดอาโอโมริ เช่น โยชิโทโม นารา, ชิโกะ มุนากาตะ และชูจิ เทรายามะนี่คือพื้นที่ที่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การสร้างสรรค์งานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของอาโอโมริ
สถานีชินอาโอโมริ/สนามบินอาโอโมริ
จุดหมายปลายทาง
  • วัดจูซนจิ
  • สวนซากปราสาทโมริโอกะ (สวนอิวะเตะ)
  • อาคารหลังคาแดง ธนาคารอิวาเทะ
  • โมริโอกะบะหมี่เย็น
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเมืองโมริโอกะ
  • พิพิธภัณฑ์เครื่องเหล็กร็อค
  • สึนางิออนเซ็น
  • ทะเลสาบทะซะวะ และรูปปั้นทัตสึโกะ
  • คฤหาสน์ตระกูลนักรบคาคุโนะดาเตะ
  • ศูนย์ถ่ายทอดศิลปะพื้นบ้านชาวอะคิตะ (เนบุรินากาชิคัง)
  • พิพิธภัณฑ์นามาฮาเกะ (เมืองโอกะ จังหวัดอะคิตะ)
  • โอกะออนเซ็น
  • หมู่บ้านสุนัขอะคิตะ ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเมืองโอดาเตะ (เมืองโอดาเตะ จังหวัดอะคิตะ)
  • โถงวงกลมหินโอยุ (เมืองคาซูโนะ จังหวัดอาคิตะ)
  • สวนสาธารณะฮิโรซากิ (ซากปราสาทฮิโรซากิ)
  • หมู่บ้านเนปุตะ โดเมนสึการุ
  • บ้านเนบุตะ วะรัสเซ
  • ซากปรักหักพังโบราณสถานพิเศษซันไน มารุยามะ
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ

ผู้ที่ดูหน้านี้ก็ดูหน้าเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

2 คืน 3 วันในโอกะออนเซ็น [Base! โทโฮคุ]
ดูข้อมูลพื้นฐาน