3 วันในยามางาตะ ฟุกุชิมะ และนีงาตะ!

เวลาที่จำเป็น
เวลาที่จำเป็น : 2 คืน 3 วัน
วิธีเดินทางหลัก
วิธีเดินทางหลัก : รถยนต์
แผนที่พื้นที่ 青森県 岩手県 宮城県 秋田県 山形県 福島県 新潟県

1. พักค้างคืนที่บันได, อูราบันได/ไอซุ

  เดินเล่นชมโกชิกินูมะ (บึง 5 สี)

2. สัมผัสประสบการณ์ทอผ้าและย้อมผ้าด้วยมือโดยใช้ผ้า "โยเนซาวะ โอริ"/เนื้อวัวโยเนซาวะ/เที่ยวชม "โรงกลั่นสาเกโทโก"

3. ปราสาทสึรูงะ/บ้านพักซามูไรไอซุ

4.  เดินเล่นชมย่านโกดัง, นางาโตโกะและคิตากาตะ/พระโพธิสัตว์ฟูกูมัง โคกูโซโบซัตสึ (วัดไอซุ ยานาอิซุ โคกูโซซง)

5. "ต้นสนโชกุน" วัดเบียวโดจิ

6. ล่องเรือไปตามแม่น้ำอางาโนะ


เริ่มต้น
สถานีโยเนซาวะ

ศาลเจ้าอุเอะสุงิ

พาวเวอร์สปอตที่บูชานักรบสุดแกร่งแห่งยุคเซ็นโกคุอย่างอุเอะสุกิ เคนชินเป็นเทพเจ้าประจำศาลเจ้า

ศาลเจ้าอุเอะสุงิ
ศาลเจ้าอุเอะสุกิสร้างทับซากป้อมปราการชั้นในของปราสาทโยะเนะซะวะเพื่อให้เป็นที่บูชาของอุเอะสุกิ เคนชินซึ่งเล่าขานกันว่าเป็นนักรบสุดแกร่งแห่งยุคเซ็นโกคุ ที่นี่เป็นพาวเวอร์สปอตที่เชื่อกันว่าผลบุญจากอุเอะสุกิ เคนชินจะช่วยเสริมโชคลาภ สมหวังตามคำอธิษฐาน ประสบความสำเร็จด้านการเรียนและทำให้กิจการรุ่งเรือง
สะพานไมซึรุบาชิตรงทางเดินเข้าวัดมีธงที่เขียนอักษรคำว่า “บิ” กับ “ริว” โบกสะบัดอยู่ อักษรคำว่า “บิ” มาจากการที่อุเอะสุกิ เคนชินรู้สึกศรัทธาท้าวเวสสุวรรณเป็นอย่างมาก อักษรคำว่า “ริว” หมายถึงพระอจลนาถ กล่าวกันว่าเป็นธงศึกที่ชูส่งสัญญาณบุกโจมตีตอนให้ทั้งกองทัพเข้าโจมตีพร้อมกัน และเล่ากันว่าสองเทพสุดแกร่งอย่างท้าวเวสสุวรรณกับพระอจลนาถจะมาช่วยอุเอะสุกิ เคนชินตอนสู้รบเพราะเขาเป็นผู้ศรัทธาศาสนาพุทธอย่างแรงกล้า
“เคโชเด็น ศาลเจ้าอุเอะสุกิ” ที่จัดแสดงทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญจำนวนมากโดยเน้นข้าวของเครื่องใช้ของตระกูลอุเอะสุกิก็เป็นจุดที่คนรักประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดมาชม ทั้งยังมีหมวกเกราะชื่อดังที่ดีไซน์มาจากตัวอักษรคำว่า “ไอ (รัก)” ของนายพลผู้ชำนาญทั้งยุทธการและวิทยาการนามว่านาโอเอะ คาเนสึงุด้วย
เป็นทั้งจุดชมซากุระชื่อดังที่ซากุระ 200 ต้นเลียบคูน้ำจะบานสะพรั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงกลางถึงปลายเดือนเมษายนของทุกปี “เทศกาลโยะเนะซะวะอุเอะสุกิ” จะจัดขึ้นวันที่ 29 เมษายน - 3 พฤษภาคมเป็นประจำทุกปี ในงานจะมี “พาเหรดอุเอะสุกิ” ซึ่งเป็นขบวนของคนสวมชุดเกราะสวยงามอลังการรวมกว่าหนึ่งพันและอีกหลายร้อยคน รวมถึง “ศึกคาวานากะจิมะ” ซึ่งจำลองการสู้รบครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคเซ็นโกคุให้ได้ชมกัน “เทศกาลโคมไฟหิมะอุเอะสุกิ” จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ เทียนในโคมไฟหิมะกว่า 300 โคมและอุโมงค์หิมะกว่า 1,000 อันจะถูกจุดสว่างไสวและสร้างให้เกิดบรรยากาศสวยงามน่ามหัศจรรย์
“ศาลเจ้ามัตสึงาซากิ” ที่บูชาอุเอะสุกิ โยซังเป็นเทพประจำศาลเจ้าซึ่งรู้จักกันมาจากคำกล่าวที่ว่า “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หากลงมือทำก็สำเร็จ หากไม่ลงมือทำก็ไม่สำเร็จ” นั้นเป็นศาลเจ้าเสริมของศาลเจ้าอุเอะสุกิ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้าอุเอะสุกิ ฉะนั้นอย่าลืมไปสักการะพร้อมกันให้ได้ค่ะ

ประสบการณ์การทอและย้อมผ้าด้วยมือ "โยเนซาวะ เวฟเวฟ"

สัมผัสประสบการณ์การทอผ้าโยเนซาวะอย่างง่ายดาย

ประสบการณ์การทอและย้อมผ้าด้วยมือ
ว่ากันว่าการทอผ้าโยเนซาวะเริ่มต้นขึ้นเมื่ออุเอสึกิ โยซัน พัฒนาเป็นอาชีพเสริมสำหรับภรรยาของขุนนางศักดินาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม และประเพณีนี้สืบทอดมานานกว่า 200 ปีคุณสามารถสัมผัสประสบการณ์การทอผ้าด้วยมือบนกี่ทอทากาฟุแบบดั้งเดิม รวมถึงการย้อมผ้าจากพืชและดอกคำฝอยโดยใช้สีธรรมชาติ ทำให้เป็นประสบการณ์ยอดนิยมในการศึกษาดูงาน

เนื้อโยเนซาวะ: เนื้อคุโรเกะวากิวอันน่าภาคภูมิใจของโยเนซาวะ

เนื้อวัวญี่ปุ่นพันธุ์แบล็คแบล็ค ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามแบรนด์เนื้อวัววากิวชั้นนำของญี่ปุ่น

เนื้อโยเนซาวะ: เนื้อคุโรเกะวากิวอันน่าภาคภูมิใจของโยเนซาวะ
[เกี่ยวกับเนื้อวัวโยเนซาวะ]เนื้อวัวโยเนซาวะ คือเนื้อวัวญี่ปุ่นพันธุ์แบล็คแบล็คที่เลี้ยงมานานกว่า 18 เดือนในฟาร์มปศุสัตว์ในสามเมืองและห้าเมืองในภูมิภาคโอกิตามะ เนื้อวัวโยเนซาวะมีตราประทับรับรองที่ตัวเนื้อ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น คุณภาพของเนื้อ และปริมาณไขมันเนื้อวัวชั้นเลิศนี้ผสมผสานรสชาติแบบดั้งเดิมเข้ากับรสชาติที่อร่อย ลายหินอ่อนละเอียดละลายในปาก มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างแท้จริงด้วยรสชาติและประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้ เนื้อวัวโยเนซาวะจึงได้รับการขึ้นทะเบียนภายใต้ระบบคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560
[ลักษณะเฉพาะ]คุณสมบัติที่โดดเด่นของเนื้อวัวโยเนซาวะคือ ลายหินอ่อนละเอียดและไขมันคุณภาพสูง ไขมันคุณภาพสูงมีรสชาติและกลิ่นหอมเข้มข้น และจุดหลอมเหลวต่ำทำให้เนื้อสัมผัสละลายในปากเคล็ดลับของไขมันคุณภาพสูงนี้คือสภาพภูมิอากาศของภูมิภาคโอกิตามะ และเทคนิคการเพาะพันธุ์ที่บรรพบุรุษของเราได้พัฒนามาอย่างยาวนานหลายปีจากการลองผิดลองถูกคุณสามารถเพลิดเพลินกับมันได้ในทุกรูปแบบ ตั้งแต่สุกี้ยากี้ไปจนถึงสเต็ก
[ผู้ค้าปลีกเนื้อวัวโยเนซาวะรายใหญ่]โปรดตรวจสอบเว็บไซต์ต่อไปนี้:・โยเนซาวะ โนเรนไก (http://yonezawagyu-norenkai.com/)・สภาส่งเสริมแบรนด์เนื้อวัวโยเนซาวะ (http://yonezawagyu.jp)
เชิญลิ้มลองรสชาติอันยอดเยี่ยมของเนื้อวัวโยเนซาวะ ซึ่งผลิตในแอ่งโยเนซาวะอันอุดมสมบูรณ์ต้นน้ำของแม่น้ำโมกามิ

โรงงานเปิดระดับพรีเมียมที่สืบทอดความปรารถนาของทาคายามะ อุเอสึกิ

เนื้อหาที่รวมทัวร์โรงเหล้าสาเก โรงงานทอผ้า และประสบการณ์การย้อมดอกคำฝอย

โรงงานเปิดระดับพรีเมียมที่สืบทอดความปรารถนาของทาคายามะ อุเอสึกิ
นี่คือเนื้อหาประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่ให้คุณได้เห็นและสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของโยเนซาวะได้อย่างใกล้ชิด⓵ ทัวร์โรงเหล้าสาเกอายุ 400 ปีกับเจ้าของสมัยใหม่  ที่โรงเหล้าสาเกโทโกะซึ่งก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 16 และทำหน้าที่เป็นร้านขายเหล้าอย่างเป็นทางการของตระกูลอุเอสึกิ คุณจะได้สัมผัสกับประเพณีและเทคนิคการทำสาเกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปีภายใต้การแนะนำของเจ้าของคนปัจจุบัน   โรงเหล้าสาเกโทโกะ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์การผลิตเหล้าสาเกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ มีพื้นที่บรรยากาศที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในโรงเหล้าสาเกในศตวรรษที่ 19 และโรงเบียร์แห่งนี้เป็นโกดังที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ซึ่งมีสาเกอยู่จริง ต้ม   โกดังขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ 140 ซึโบะจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นสถานที่ผลิตเหล้าสาเกเก่าแก่   ปัจจุบันบริษัทกำลังทำงานเพื่อการผลิตเหล้าสาเกที่ยั่งยืน⓶ ประสบการณ์การย้อมดอกคำฝอยที่จะได้พบกับช่างฝีมือสิ่งทอระดับโลก   สิ่งทอที่ผลิตในโยเนซาวะเรียกว่า "โยเนซาวะโอริ" และมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยการใช้สีย้อมจากธรรมชาติ เนื่องจากย้อมจากพืช จึงมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนโยนและมีสีสันที่หลากหลาย   สีย้อมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการย้อมดอกคำฝอย ซึ่งใช้พืชในตระกูล Asteraceae ที่เรียกว่าดอกคำฝอยเป็นสีย้อม และว่ากันว่ามีเพียงญี่ปุ่นเท่านั้นที่ใช้ดอกคำฝอยเป็นสีย้อมธรรมชาติ   สีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของมันสามารถเรียกได้ว่าเป็น "สีแดงของญี่ปุ่น" ที่ Nitta Co., Ltd. ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการย้อมดอกคำฝอย คุณสามารถรับฟังจากเจ้าของบริษัทเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโยเนซาวะโอริและการย้อมดอกคำฝอยได้  

พักค้างคืนที่บันได, อูราบันได/ไอซุ

วันที่ 2
ออกเดินทางจากที่พัก

ทะเลสาบโกะชิกินุมะ

โลกน่าพิศวงที่รังสรรค์ขึ้นมาโดยกลุ่มทะเลสาบหลากสีสัน

ทะเลสาบโกะชิกินุมะ
""โกะชิกินุมะ (บ่อห้าสี)"" เป็นกลุ่มทะเลสาบที่เกิดจากการปะทุของภูเขาบันได แล้วได้ชื่อนี้มาเพราะสีของน้ำจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อากาศ และมุมองศาการมอง ""โกะชิกินุมะ"" เป็นชื่อเรียกรวมของทะเลสาบหลายแห่ง เช่น บิชะมงนุมะ อะกะนุมะ มิโดะโระนุมะ ริวนุมะ เบนเทนนุมะ รุรินุมะ อะโอะนุมะ ยะกินุมะ และมีชื่อเรียกทางการคือ ""กลุ่มทะเลสาบโกะชิกินุมะ"" และได้รับหนึ่งดาวจากมิชลิน กรีนไกด์ในปี 2016
“บิชะมงนุมะ” มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและสามารถสนุกสนานกับการพายเรือเที่ยวชมได้ ในบรรดาปลาคาร์ปจำนวนมากที่แหวกว่ายอยู่นั้น มีปลาคาร์ปที่มีรูปหัวใจสีแดงอยู่ซึ่งกล่าวกันว่าถ้าหาเจอคุณก็จะได้พบกับความสุข
ทะเลสาบแต่ละแห่งจะมีลักษณะเด่นไม่เหมือนกัน เช่น “อะกะนุมะ” ที่ย้อมต้นไม้ใบหญ้าในบริเวณโดยรอบให้กลายเป็นสีแดงเพราะในน้ำมีธาตุเหล็ก หรือ “มิโดะโระนุมะ” ที่มองเห็นน้ำเป็นสามสี
“เส้นทางชมธรรมชาติทะเลสาบโกะชิกินุมะ” ซึ่งเชื่อมกลุ่มทะเลสาบนั้นเป็นเส้นทางเดินเขาที่ได้รับความนิยม จุดน่าดึงดูดอยู่ตรงการใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ และเป็นเส้นทางที่ไม่ลาดชัน หากตื่นเช้าก็จะได้ชมหมอกยามเช้าด้วย เพราะความใสแจ๋วของน้ำทำให้เราอยากจะแนะนำ “ยะกินุมะ” เป็นพิเศษด้วย
นอกจากจะมองเห็นทะเลสาบสวยๆ ได้จากจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ทุกหนทุกแห่งของกลุ่มทะเลสาบแล้ว ยังมองเห็นภูเขาบันไดซึ่งเป็นหนึ่งในร้อยภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่นอีกด้วย

ปราสาทสึรุกะ

ปราสาทกระเบื้องสีแดงแสนงามเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น

ปราสาทสึรุกะ
เรียกกันอีกอย่างว่า “ปราสาทไอซุ” หรือ “ปราสาทไอซุวะคะมัตสึ” เพราะในสงครามโบชินในปี 1868 ตัวปราสาทต้านทานการโจมตีอันดุเดือดของกองทหารรัฐบาลชุดใหม่ได้เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือนจนเป็นที่รู้จักกันในฉายาว่า “ปราสาทไร้พ่าย”
ปราสาทสึรุกะได้รับเลือกเป็นหนึ่งในร้อยปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น สร้างใหม่เมื่อปี 1965 และปรับปรุงเรื่อยมา จนกระทั่งปี 2011 จึงปู ""กระเบื้องสีแดง” ที่สร้างเลียนแบบสมัยศตวรรษที่ 17 ได้เสร็จสิ้น และกลายเป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่มีกระเบื้องสีแดงให้ชม นอกจากนี้ กำแพงหินของตัวปราสาทยังรอดพ้นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1611 มาได้ ปัจจุบันจึงยังคงสภาพดีให้ได้ชมเหมือนเมื่อครั้งในอดีต
ภายในตัวปราสาทกลายเป็นพิพิธภัณฑ์และจากชั้นบนสุดจะสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองรอบปราสาทไอซุวะคะมัตสึได้แบบสุดลูกหูลูกตาภายในสวนปราสาทสึรุกะมี “ห้องชารินคาคุ” ซึ่งกล่าวกันว่าสร้างขึ้นมาโดยโชอัน บุตรของเซ็นโนะริคิว จึงมีน้ำชาและขนมให้เพลิดเพลินกันได้ภายในสวน
ทั้งยังรู้จักกันว่าเป็นจุดชมซากุระชื่อดัง ในฤดูใบไม้ผลิซากุระกว่า 1,000 ต้นจะบานสะพรั่งเต็มสวนและช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับด้วย นอกจากจะมีการประดับไฟช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว “เทศกาลเทียนประดับภาพวาดแห่งเมืองไอซุ” ที่จัดขึ้นในฤดูหนาวก็มีวิวหิมะน่ามหัศจรรย์ที่ส่องสว่างจากแสงของเทียนไขให้ได้เพลิดเพลินกันและมีคนมาชมกันอย่างหนาแน่น

โรงน้ำชาฮอนมารุ (อาหารไอซุ)

โรงน้ำชาฮอนมารุ (อาหารไอซุ)
ร้านน้ำชาแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าคูน้ำซันกิโบริภายในปราสาทสึรุกะ ซึ่งเป็นสถานที่หายากแม้แต่ในประเทศ เรามีอาหารหลากหลาย ตั้งแต่อาหารเบาๆ อย่างซาลาเปาเทมปุระและเกี๊ยวซ่าย่าง ไปจนถึงอาหารคาวอย่างข้าวหน้าหมูทอดราดซอส ราเมน และโซบะทำมือ ซึ่งล้วนปรุงด้วยซอสสูตรพิเศษที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ลองชิมเบอร์เกอร์ข้าวที่ไม่เหมือนใครดูไหม? เรามีเบอร์เกอร์ให้เลือกถึงสามแบบ ได้แก่ หมูทอดราดซอส เนื้อซากุระ (เนื้อม้า) ราดมิโซะกระเทียม และซูดาจิมิโซะแบบเบา! แค่เห็นชื่อซากุระเบอร์เกอร์ก็เข้าใจแล้วว่าทำไม!

ภูเขาอีโมริ

ทำให้อาลัยอาวรณ์เหล่านักรบที่สิ้นลมหายใจไปตั้งแต่อายุยังน้อย

ภูเขาอีโมริ
ภูเขาเตี้ยๆ ความสูง 314 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่มองเห็นเมืองรอบปราสาทอย่างเมืองไอซุวะคะมัตสึได้แบบสุดลูกหูลูกตา สามารถไปถึงยอดเขาโดยขึ้นบันได 183 ขั้นได้ แต่หากใช้บริการทางเลื่อนก็จะสามารถไปถึงยอดเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น
“สุสาน 19 หน่วยพยัคฆ์ขาว” บนภูเขาอีโมริจะคอยเล่าขานให้ปัจจุบันได้ทราบถึงโศกนาฏกรรมสงครามไอซุอันเป็นสงครามจำกัดขอบเขตในช่วงสงครามโบชินซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 1868 หน่วยพยัคฆ์ขาวเป็นกองทหารของเด็กหนุ่มวัย 10-19 ปีในแคว้นไอซุ พวกเขาเห็นปราสาทสึรุกะปกคลุมไปด้วยควันโขมงจากภูเขาอีโมริจนนึกว่าปราสาทเกิดไฟไหม้ จึงปลิดชีพของตนเองเพื่อเจ้านาย แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็ยังสามารถมองเห็นปราสาทสึรุกะได้จาก “จุดที่หน่วยพยัคฆ์ขาวปลิดชีพตนเองด้วยดาบ” ได้ และมีผู้คนมากมายมาเยือนเพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณเพราะนึกถึงเหล่านักรบที่จากโลกนี้ไปตั้งแต่อายุยังน้อย สุสานของอีนุมะ ซาดาคิจิที่เหลือชีวิตรอดเพียงคนเดียวและเป็นผู้ถ่ายทอดโศกนาฏกรรมของหน่วยพยัคฆ์ขาวในภายหลังก็อยู่ในจุดที่ห่างออกไปเล็กน้อย
นอกจากนี้ก็ยังหลงเหลือศิลาจารึกที่ต่างประเทศมอบให้เพื่อชมเชยในความสามารถของหน่วยพยัคฆ์ขาว เช่น “อนุสาวรีย์อิตาลี” และ “อนุสาวรีย์เยอรมัน” รวมถึง “ถ้ำคันกั้นน้ำโทโนะกุจิ” ที่กล่าวกันว่าหน่วยพยัคฆ์ขาวเคยลอดผ่านตอนถอยร่น
ใกล้ๆ จุดขึ้นทางเลื่อนมี “อนุสรณ์สถานหน่วยพยัคฆ์ขาว” และในบริเวณใกล้เคียงก็มี “อนุสรณ์สถานตำนานหน่วยพยัคฆ์ขาว” และ “ทาคิซาวะฮนจิน” อันเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น นอกจากนี้ที่ภูเขาอีโมริยังมี “อุโบสถสะซะเอะโด” อันเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นและที่นี่ก็มีผู้คนมาเยือนกันมากมายด้วย
ทานอาหารได้ที่ “ร้านอีโมริบุง” และลึกเข้าไปภายในร้านก็มีจุดชมวิวที่มองเห็นวิวภายในเมืองได้แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้น แถมยังสะดวกต่อการมาพักผ่อนอีกด้วย

คฤหาสน์ซามูไรไอซุ

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่จะให้ชม สัมผัสประสบการณ์ และเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของไอซุ

คฤหาสน์ซามูไรไอซุ
สวนสนุกธีมพาร์คด้านประวัติศาสตร์ที่มีการรวมอาคารซึ่งย้ายมาปลูกใหม่หรือบูรณะขึ้นใหม่โดยเน้นไปที่คฤหาสน์ของไซโก ทะโนะโมะ ผู้เป็นขุนนางแคว้นไอซุ นอกจากคฤหาสน์ขุนนางแล้วภายในอาณาบริเวณอันกว้างขวางยังมีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น ""คิวนะคะฮะตะจินยะ"" ซึ่งเป็นที่ว่าการเขตสมัยเอโดะที่ถูกย้ายมาสร้างใหม่ และ ""เรนันอันรินคะคุ"" ซึ่งจำลองมาจาก ""รินคะคุ"" ซึ่งเป็นห้องชงชาในป้อมศูนย์กลางของปราสาทสึรุกะ 
นอกจากจะตั้งรวมกับหอเอกสารที่มีวิถีชีวิตในสมัยนั้นและสภาพของสงครามโบชินให้เรียนรู้แล้ว ในฤดูหนาวช่วงกลางเดือนธันวาคม - ต้นเดือนเมษายนยังสามารถชมภายในของคฤหาสน์ขุนนางได้อีกด้วย
นอกจากจะสามารถทำกิจกรรมลงสีอากาเบโกะ (วัวแดง) และแกะสลักภาพลงบนกระจกได้แล้ว อาคารทำงานประดิษฐ์มือยังมีวัฒนธรรมดั้งเดิมให้ได้ทำกันอย่างสนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เช่น “สตูดิโอถ่ายภาพ” ที่จะให้สวมชุดในสมัยนั้นและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
ไม่เพียงแต่ร้านอาหารที่มีอาหารพื้นเมืองของไอซุให้ได้ทานกันเท่านั้น แต่ยังมีร้านที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อของไอซุมากมายตั้งแต่สินค้าศิลปหัตถกรรมดั้งเดิม ขนม ไปจนถึงผลผลิตทางการเกษตร จึงไม่ควรพลาดมาหาของถูกใจเป็นที่ระลึกในการเดินทางกันให้ได้ค่ะ

พักค้างคืนที่บันได, อูราบันได/ไอซุ

วันที่ 3
ออกเดินทางจากที่พัก

นากาโทโกะและคิตากาตะ: เดินเล่นรอบเมืองโกดังสินค้า

นากาโทโกะและคิตากาตะ: เดินเล่นรอบเมืองโกดังสินค้า
คิตาคาตะ มีชื่อเสียงด้านราเมน และยังเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งโรงเบียร์อีกด้วยศาลเจ้าชินกุ คุมาโนะ, นางาโตโกะ → โรงเหล้าสาเกยามาโตกาวะ, พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านคิตาคาตะ → เดินเล่นรอบเมืองแห่งโรงเบียร์ → เดินทางมาถึงจุดแนะนำแน่นอนว่า ราเมนเป็นอาหารมื้อกลางวันที่แนะนำให้ลอง

คิตะคาตะ ราเมน

หนึ่งในสามราเม็งชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่น

คิตะคาตะ ราเมน
ประวัติความเป็นมาของคิตะคาตะราเมนย้อนกลับไปได้ถึงปลายยุคไทโชและต้นยุคโชวะในเวลานั้นยังไม่มีร้านราเมนในเมือง แต่ชายหนุ่มผู้อพยพมาจากจีนได้เป่าแตรและลากรถเข็นขายราเมน (ชินะโซบะ) ชินะโซบะทำมือนี้กล่าวกันว่าเป็นต้นกำเนิดของคิตะคาตะราเมน ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 70 ปีโดยทั่วไปแล้ว คิตะคาตะราเมนมักถูกมองว่ามีส่วนประกอบหลักเป็นซอสถั่วเหลือง แต่รสชาติและน้ำซุปจะแตกต่างกันไปในแต่ละร้าน เส้นราเมนยังมีความหนา ความโค้ง และความแน่นที่แตกต่างกันอีกด้วยลักษณะเด่นคือ "เส้นราเมนแบน บ่มนาน และให้ความชุ่มชื้นสูง" ซึ่งมีน้ำมากกว่าเส้นราเมนทั่วไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราเมนชนิดนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยราเมนรสเกลือและไขมันส่วนหลังก็ได้รับความนิยมเช่นกันด้วยประชากรประมาณ 50,000 คน เมืองนี้มีร้านราเมนประมาณ 90 ร้าน และวัฒนธรรมการกินราเมนในตอนเช้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ "อาสะระ" ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองราเมนที่แท้จริงอย่าลืมลองชิมราเมนคิตาคาตะ อาหารจิตวิญญาณของชาวคิตาคาตะ

พระโพธิสัตว์ฟูกูมัง โคกูโซโบซัตสึ (วัดไอซุ ยานาอิซุ โคกูโซซง)

เยี่ยมชมวัดที่เกี่ยวข้องกับมหาปุโรหิตโทคุอิจิ

พระโพธิสัตว์ฟูกูมัง โคกูโซโบซัตสึ (วัดไอซุ ยานาอิซุ โคกูโซซง)
ตามรอยพระโพธิสัตว์โทคุอิสึ การเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ 1,200 ปีของเมืองพุทธสึวัดเอนิจิจิ → วัดโชโจจิ → ยาไนสึ โคคุโซซอน → วัดโทริโออิ คันนอน → จุดขึ้นฝั่งจุดแนะนำหลังจากภูเขาไฟบันไดระเบิดในปี ค.ศ. 806 พระมหาโตคุอิสึได้เสด็จมายังไอสึเพื่อช่วยเหลือเมืองที่ถูกทำลายวัฒนธรรมพุทธอันทรงเกียรติในโอชูเจริญรุ่งเรืองที่นั่น และพื้นที่ดังกล่าวจึงเป็นที่รู้จักในนามเมืองพุทธสึความเชื่อมั่นอันแรงกล้าและจิตวิญญาณอันแน่วแน่ของพระโพธิสัตว์โทคุอิสึยังคงสืบทอดกันมาในไอสึจนถึงทุกวันนี้

อาวามันจู

ยานาอิซุ สเปเชียลตี้

อาวามันจู
อาวามันจู อาหารขึ้นชื่อของยาไนซุ โดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสกรุบกรอบของข้าวฟ่าง เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มของข้าวเหนียว และความหวานละมุนละไมว่ากันว่าอาวามันจูมีต้นกำเนิดเมื่อ 180 ปีก่อน เมื่อผู้คนนำอาวามันจูไปถวายวัดเอ็นโซจิเพื่อขอพรให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติหลังจากที่เมืองประสบภัยพิบัติอย่าลืมลองเปรียบเทียบอาวามันจูของแต่ละร้านดูนะคะ!

"ต้นสนโชกุน" วัดเบียวโดจิ

เป็นต้นสนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่มีอายุกว่า 1,400 ปีและตั้งอยู่ในเมืองอางะ จังหวัดนีงาตะและเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลัง

ล่องเรือแม่น้ำอากาโน

เรือชมหิมะเป็นที่นิยม - ชื่นชมทัศนียภาพของบ้านเกิดของคุณจากแม่น้ำ

ล่องเรือแม่น้ำอากาโน
ดื่มด่ำกับความงามของหุบเขาที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมรับฟังเรื่องราวและบทเพลงอันแสนสนุกจากไกด์เรือของคุณบนเรือล่องแม่น้ำลำนี้ สัมผัสความงามตามธรรมชาติของแต่ละฤดูกาล
เมื่อหิมะละลายและต้นไม้เขียวขจีสดชื่นปรากฏขึ้น อากาศบริสุทธิ์จะพัดผ่านแม่น้ำ ก่อเกิดเป็นภูมิทัศน์สีเขียวขจีที่สวยงามโอบล้อมแม่น้ำ ในเดือนพฤษภาคม ดอกซากุระบนภูเขาจะเบ่งบานตัดกับสีเขียวขจีของภูเขา ในช่วงฤดูร้อน ลมเย็นจากแม่น้ำจะพัดผ่านเรือสำราญ สร้างความสดชื่นให้กับการล่องเรือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการล่องเรือสำราญคือฤดูใบไม้ร่วง เพราะความแตกต่างระหว่างแม่น้ำสีเขียวมรกตและใบไม้เปลี่ยนสีนั้นงดงามจับใจ ในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตก คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามราวกับภาพวาดซูมิเอะจากเรือชมหิมะ
จุดออกเดินทางและจุดสิ้นสุดอยู่ที่สถานีริมทางอะกาโนซาโตะ มีทัวร์สองแบบให้เลือก ได้แก่ ทัวร์เกาะโกจู (50 นาที) และทัวร์น้ำพุร้อนซัคกะ (40 นาที)
สถานีนิอิกะตะ / สนามบินนิอิกะตะ
จุดหมายปลายทาง
  • ศาลเจ้าอุเอะสุงิ
  • ประสบการณ์การทอและย้อมผ้าด้วยมือ "โยเนซาวะ เวฟเวฟ"
  • เนื้อโยเนซาวะ: เนื้อคุโรเกะวากิวอันน่าภาคภูมิใจของโยเนซาวะ
  • ทะเลสาบโกะชิกินุมะ
  • ปราสาทสึรุกะ
  • โรงน้ำชาฮอนมารุ (อาหารไอซุ)
  • ภูเขาอีโมริ
  • คฤหาสน์ซามูไรไอซุ
  • นากาโทโกะและคิตากาตะ: เดินเล่นรอบเมืองโกดังสินค้า
  • คิตะคาตะ ราเมน
  • พระโพธิสัตว์ฟูกูมัง โคกูโซโบซัตสึ (วัดไอซุ ยานาอิซุ โคกูโซซง)
  • อาวามันจู
  • ล่องเรือแม่น้ำอากาโน

ผู้ที่ดูหน้านี้ก็ดูหน้าเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

ทัวร์อาคิตะที่อัดแน่นไปด้วยทุกสิ่งที่อาคิตะมีให้
ดูข้อมูลพื้นฐาน
3 วันในมิยางิและยามางาตะ!
ดูข้อมูลพื้นฐาน
3 วันในอาโอโมริ อิวาเตะ มิยางิ และอาคิตะ!
ดูข้อมูลพื้นฐาน
2 คืน 3 วัน รอบๆ ทะเลสาบทาซาวะ นิวโตะ และมิซุซาวะออนเซ็น […
ดูข้อมูลพื้นฐาน