อาคารแห่งนี้แต่เดิมเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของธนาคารโมริโอกะ สร้าขึ้นเมื่อปีเมจิที่ 44 (1911) โดยทัตสึโนะ คิงโกะ ผู้ออกแบบสถานีรถไฟโตเกียว และคะไซ มันจิ ถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ ภายในอาคารแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ โซน "ธนาคารโมริโอกะ (คิดค่าเข้าชม)" ที่มีนิทรรศการต่างๆเกี่ยวกับอาคารแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง ผู้ออกแบบ และประวัติของธนาคาร และโซน "ธนาคารอิวาเตะ (ฟรี)" ที่เปิดโอกาสให้คนในชุมชนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้

"ปราสาทโมริโอกะได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและหนึ่งในร้อยอันดับปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น ปราสาทตั้งอยู่ในจุดที่เดินทางง่ายโดยใช้เวลาเดิน 15 นาทีจากสถานีโมริโอกะ
เทศกาลซากุระ” ในฤดูใบไม้ผลิจะมีคนมากันอย่างคับคั่ง ซากุระที่เปล่งประกายจากแสงของโคมไฟในช่วงกลางคืนก็จะมาช่วยสะกดผู้คนให้หลงใหลด้วย เดือนพฤษภาคมจะมีซุ้มดอกวิสทีเรียและเดือนกรกฎาคมจะมีดอกไฮเดรนเยียมาแต่งแต้มสีสันสวยงามให้บริเวณบ่อน้ำสึรุกะ ในฤดูใบไม้ร่วงจะมีใบเมเปิ้ลและใบแปะก๊วยเปลี่ยนสีมาช่วยเสริมความงามให้กับกำแพงหินที่อยู่ด้านหลัง “โมริโอกะยูกิอาคาริ” ในฤดูหนาวจะมีกระท่อมหิมะจิ๋วจุดไฟสว่างมารังสรรค์ให้ภายในสวนมีความมหัศจรรย์ ที่นี่เป็นสวนอันเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ทิวทัศน์จะแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลทั้งสี่
ปราสาทโมริโอกะเริ่มสร้างในปี 1597 และเรียกกันว่าปราสาทโคซุคาตะ เป็นปราสาทสำหรับอยู่อาศัยของผู้ครองแคว้นแต่ตัวปราสาทพังไปเกือบหมดในปี 1874 แต่กำแพงหินยังคงอยู่ในสภาพสวยงามและมีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ให้เป็นสวนในปี 1906
ปัจจุบันคุ้นเคยกันในชื่อ “สวนซากปราสาทโมริโอกะ” และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “ร้อยอันดับสวนทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น”
มีศิลาจารึกของเหล่าบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับสถานที่แห่งนี้ เช่น ศิลาจารึกบทเพลงของอิชิคาวะ ทาคุโบคุ ศิลาจารึกบทกวีของมิยะซะวะ เค็นจิ และศิลาจารึกงานประพันธ์ของนิโตเบะ อินาโซ

สร้างสรรค์ขึ้นครั้งแรกโดยคนจากเปียงยางบนคาบสมุทรเกาหลี และปรับปรุงรสชาติดั้งเดิม ปัจจุบันมีร้านค้าหลายแห่งในเมืองโมริโอกะที่ให้บริการ และคุณสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติที่แต่ละร้านภาคภูมิใจได้ เส้นหมี่เย็นโมริโอกะมีลักษณะพิเศษคือเส้นโปร่งแสงที่เหนียวนุ่มซึ่งทำจากแป้งสาลีและแป้งมันฝรั่ง เส้นบะหมี่มีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ซุปเข้มข้นที่ทำจากกระดูกวัว และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ผสมผสานความเผ็ดและความเปรี้ยวของกิมจิ หลายๆ คนติดใจ โดยมัน คนที่ไม่ชอบเผ็ดสามารถปรับความเผ็ดได้โดยการปรับปริมาณกิมจิ คุณสามารถลองทำบะหมี่ด้วยมือได้ที่เวิร์คช็อป Pyonpyonsha Reimen ในหมู่บ้านแฮนด์เมดโมริโอกะ
บะหมี่เย็นเป็นหนึ่งในสามบะหมี่หลักของโมริโอกะ (วังโกะโซบะ บะหมี่เย็น และจาจาเม็ง)

นั่งรถโดยสารลากรถแทรกเตอร์เที่ยวชมพื้นที่ป่าที่ปกติแล้วปิดไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้าชม สัมผัสธรรมชาติอันงดงามของฟาร์มโคอิไว พร้อมรับลมเย็นๆ บนใบหน้าและกลิ่นหอมของป่า

เมืองออนเซ็นริมอ่างเก็บน้ำชื่อ “ทะเลสาบโกโชะ” มีวิวสวยๆ ซึ่งเกิดขึ้นมาจาก “สะพานสึนางิโอฮาชิ” ที่ทอดข้ามทะเลสาบและภูเขาอิวะเตะให้ได้เพลิดเพลินกัน
สึนางิออนเซ็นมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 900 ปี และชื่อของมันตั้งมาจากตอนที่นายพลมินาโมโตะโนะโยชิอิเอะผูกม้าตัวโปรดเอาไว้กับหินก่อนจะลงแช่เมื่อศตวรรษที่ 11 ภายในศาลเจ้าสึนางิออนเซ็นจึงมีหินสึนางิอยู่ ผู้คนจำนวนมากคุ้นเคยดีว่าเป็น “โมริโอกะโนะโอคุซาชิกิ (สถานที่พักผ่อนแห่งโมริโอกะ)” น้ำพุร้อนมีคุณสมบัติเป็นด่างและมีชื่อเสียงว่าเป็นน้ำพุร้อนผิวงามซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวและทำให้ผิวลื่นเรียบเนียน อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการมีกรดเมตาซิลิเกตอันเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติซึ่งกำลังเป็นที่สนใจรวมอยู่ด้วย
ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีโดยนั่งรถยนต์ 30 นาทีจากสถานีโมริโอกะ นอกจากบริเวณใกล้เคียงจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ฟาร์มโคะอิวะอิ” และ “หมู่บ้านสิ่งประดิษฐ์มือโมริโอกะ” แล้ว ยังเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบโทะวะดะ ฮะจิมันไท คะคุโนะดะเทะ ชายหาดโจโดะงาฮามะ ฮิราอิซุมิได้ง่ายอีกด้วย จึงขอแนะนำให้เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวโทโฮคุตอนเหนือ เมืองออนเซ็นมีที่พักใหญ่น้อยมากมาย ฉะนั้นคุณน่าจะหาโรงแรมที่ถูกใจได้ไม่ยาก
เทศกาลทะเลสาบโกโชะในฤดูร้อนจะมีการจุดดอกไม้ไฟแสนงดงามเหนือท้องทะเลสาบ จึงต้องไม่พลาดมาเพลิดเพลินกับทะเลสาบไปพร้อมกับทิวทัศน์ทั้งสี่ฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้สีเขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะกันได้ที่นี่

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ (Great Kannon) สูง 48.5 เมตร องค์นี้ตั้งตระหง่านอยู่ ณ จุดชมวิว ท่านจะได้พบกับทัศนียภาพอันงดงามของอ่าวคามาอิชิเบื้องหน้าในช่วงต้นฤดูร้อน ลมยามาเสะจะพัดมาจากทะเล มักจะสร้างบรรยากาศอันลึกลับราวกับกำลังลอยอยู่เหนือเมฆพระพุทธรูปองค์นี้ได้รับการรับรองให้เป็น "สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคู่รัก" จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขอแต่งงาน
[หมายเหตุ]ภายในองค์พระใหญ่มีบันไดสำหรับเดินชม โปรดทราบว่าไม่มีลิฟต์หรือทางลาด

รถไฟสายริอัสของซันริคุเรลเวย์ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในฐานะเส้นทางรถไฟในโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่ยาวที่สุดภายในประเทศ เกิดจากการบรูณะซ่อมแซมและโอนถ่ายการบริหารของเส้นทางในช่วงระหว่างมิยาโกะ-คะมะอิชิซึ่งเป็นรถไฟของบริษัท JR Yamada Line ที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่โทโฮคุ เป็นเส้นทางรถไฟที่มีความยาวรวมประมาณ 163 กม. ที่เชื่อมชายฝั่งซันริคุเหนือใต้เข้าหากัน โดยนอกจากจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันตระการตาของทะเลซันริคุจากหน้าต่างรถไฟแล้ว ยังมีรถไฟหลากหลายรูปแบบให้บริการ มีทั้งรถไฟที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครที่มีที่นั่งเป็นแบบนั่งพื้นโบราณ รถไฟย้อนยุค รถไฟที่นั่งโคตัตสึ และรถไฟเพื่อการเรียนรู้ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว เป็นต้น
★ประกาศเรื่องแผนการให้บริการรถไฟhttps://www.sanrikutetsudou.com/wp-content/themes/responsive/event.html
★รถไฟเพื่อการเรียนรู้แผ่นดินไหวhttps://www.sanrikutetsudou.com/?p=23

เมืองคุจิเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ของช่อง NHK เรื่อง "อามะจัง" ซึ่งออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึง 28 กันยายน พ.ศ.2556  ฉากหลายฉากตั้งแต่ชายฝั่งโคโซเดะถูกถ่ายทำในเมืองคุจิ
ทิวทัศน์ที่เห็นในละครยังคงเหมือนเดิม และแฟน ๆ ของละครอามะจังยังคงมาเยี่ยมชมเสมอ  โดยในแต่ละสถานที่ถ่ายทำจะมี "ป้ายอามะจัง” พร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับฉากที่ปรากฏในเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งจะทำให้คุณถูกดึงดูดเข้าสู่โลกของอามะจังมากยิ่งขึ้น
ที่ศูนย์แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยว YOMUNOSU ที่ตั้งอยู่หน้าสถานี จะมีการจัดแสดงแบบจำลองสามมิติไดโอรามาที่ถูกใช้ในการถ่ายละคร นอกจากนี้ที่มุมกาแฟจะมีไฟลอยดวงกลมที่ทำจากแก้วเพื่อจำลองร้านกาแฟของ "อามะจัง" เอาไว้ด้วย คุณสามารถเพลิดเพลินกับแซนวิชและเครื่องดื่มได้ด้วยเหรียญเหรียญเดียว
≪เขตในเมือง≫・ สถานีคุจิ รถไฟซันริคุ ・ ・ ・ ถูกใช้ถ่ายทำเป็น “สถานีคิตะซันริคุ รถไฟริอาสคิตะซันริคุ”ติดต่อสอบถาม : สถานีคุจิ รถไฟซันริคุ ☎0194-52-0177・สถานีริมทางคุจิยามะเสะโดะฟูคัง ・ ・ ・ ถูกใช้ถ่ายทำเป็นสถานที่สำหรับการประกวดที่ยูอิได้รับเลือกให้เป็นมิสรถไฟคิตะซันริคุเวลาทำการ 9:00 - 19:00 น. *ตั้งแต่เดือนตุลาคม - มีนาคม เปิดทำการถึง 18:00 น.ติดต่อสอบถาม : คาเสะ โนะ ยากาตะ สมาคมการท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์เมืองคุจิ ☎0194-66-9200
≪ย่านโคโซเดะ≫20 นาที โดยรถบัสประจำทาง (สายชายฝั่งคุจิ) จากสถานีคุจิ・ ประภาคารเขื่อนกันคลื่น ท่าเรือโคโซเดะ ・ ・ ・ ปรากฏในฉากเริ่มเรื่องอากิกระโดดลงไปในทะเล และฉากอื่น ๆเดิน 3 นาที จากโคโซเดะ อามะ เซ็นเตอร์
・ สถานที่สาธิตการดำน้ำ - สถานที่จอดเรืออามะ ・ ・ ・ ปรากฏในฉากที่อากิ นัตสึบัปปะ และอามะดำน้ำลงไปจับปลาใกล้โคโซเดะ อามะ เซ็นเตอร์
・ ป้อมเฝ้าระวังที่อยู่ด้านบนของท่าเรือประมงโคโซเดะ ・ ・ ・ ปรากฏเป็นป้อมเฝ้าระวังที่ฮิโรชิทำงานพาร์ทไทม์เดินจากโคโซเดะ อามะ เซ็นเตอร์ 10 นาที (ต้องขึ้นเนินคดเคี้ยว แต่วิวจากเนินเขาสวยงามมาก)
≪เขตชานเมือง≫・ อุโมงค์เหมืองแร่อำพัน งานฝีมือจากแร่อำพันคามิยามะ  ・ ・ ・ ปรากฏเป็นอุโมงค์เหมืองแร่ที่ทสึโตมุมาขุดเอาแร่อำพันเวลาที่ใช้ : ประมาณ 1 ชั่วโมงค่าร่วมกิจกรรม : 3,000 เยนต่อคนกรณีมีผู้เข้าร่วมถึง 2 คน, 2,000 เยนต่อคนกรณีมีผุ้เข้าร่วมถึง 5 คน, 1,500 เยนต่อคนกรณีมีผู้เข้าร่วมถึง 9 คน,  1,000 เยนต่อกรณีมีผู้เข้าร่วม 10 คนขึ้นไปติดต่อสอบถาม : สมาคมการท่องเที่ยวบริเวณกว้างคุจิ ☎0194-53-5756*ควรจองล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ในบางวันอาจสามารถสมัครในวันเดินทางได้

เส้นทางเดินสัมผัสลมทะเลในเมืองอิวาอิสุมิ เมืองมิยาโกะ จังหวัดอิวาเตะขณะสัมผัสลมทะเล เริ่มต้นจาก "โจโดกาฮามะ" สถานที่ที่มีทิวทัศน์อันสวยงามไปจนถึงสถานีรถไฟซันริคุ อิวาอิสุมิ โอโมโตะในขณะเดินชมทิวทัศน์อันงดงามของเนินเขาชายฝั่งไปเรื่อย ๆ คุณก็จะได้พบกับหมู่บ้านชาวประมงที่สามารถสัมผัสได้ถึงชีวิตอันเงียบสงบ และชายหาดสวยงามที่คลื่นซัดเข้ามาภายในเส้นทางมีซากอาคารจากแผ่นดินไหวที่สื่อถึงความทรงจำเกี่ยวกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่นกระจายตัวอยู่เป็นจุด ๆเนื่องจากในเส้นทางนี้มีลักษณะภูมิประเทศที่สูงชัน ที่เรียกได้ว่าเป็น "เทือกเขาแอลป์แห่งท้องทะเล" มีทางลาดชันขึ้นลงซ้ำไปมา จึงต้องมีกำลังขาในการปีนเขาระดับกลางขึ้นไปภาพ : โคจิ อิวามะ

เมืองออนเซ็นริมอ่างเก็บน้ำชื่อ “ทะเลสาบโกโชะ” มีวิวสวยๆ ซึ่งเกิดขึ้นมาจาก “สะพานสึนางิโอฮาชิ” ที่ทอดข้ามทะเลสาบและภูเขาอิวะเตะให้ได้เพลิดเพลินกัน
สึนางิออนเซ็นมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 900 ปี และชื่อของมันตั้งมาจากตอนที่นายพลมินาโมโตะโนะโยชิอิเอะผูกม้าตัวโปรดเอาไว้กับหินก่อนจะลงแช่เมื่อศตวรรษที่ 11 ภายในศาลเจ้าสึนางิออนเซ็นจึงมีหินสึนางิอยู่ ผู้คนจำนวนมากคุ้นเคยดีว่าเป็น “โมริโอกะโนะโอคุซาชิกิ (สถานที่พักผ่อนแห่งโมริโอกะ)” น้ำพุร้อนมีคุณสมบัติเป็นด่างและมีชื่อเสียงว่าเป็นน้ำพุร้อนผิวงามซึ่งจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนผิวและทำให้ผิวลื่นเรียบเนียน อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการมีกรดเมตาซิลิเกตอันเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติซึ่งกำลังเป็นที่สนใจรวมอยู่ด้วย
ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีโดยนั่งรถยนต์ 30 นาทีจากสถานีโมริโอกะ นอกจากบริเวณใกล้เคียงจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง “ฟาร์มโคะอิวะอิ” และ “หมู่บ้านสิ่งประดิษฐ์มือโมริโอกะ” แล้ว ยังเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวอย่างทะเลสาบโทะวะดะ ฮะจิมันไท คะคุโนะดะเทะ ชายหาดโจโดะงาฮามะ ฮิราอิซุมิได้ง่ายอีกด้วย จึงขอแนะนำให้เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการท่องเที่ยวโทโฮคุตอนเหนือ เมืองออนเซ็นมีที่พักใหญ่น้อยมากมาย ฉะนั้นคุณน่าจะหาโรงแรมที่ถูกใจได้ไม่ยาก
เทศกาลทะเลสาบโกโชะในฤดูร้อนจะมีการจุดดอกไม้ไฟแสนงดงามเหนือท้องทะเลสาบ จึงต้องไม่พลาดมาเพลิดเพลินกับทะเลสาบไปพร้อมกับทิวทัศน์ทั้งสี่ฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ใบไม้สีเขียวชอุ่ม ใบไม้เปลี่ยนสี หรือวิวหิมะกันได้ที่นี่

มิยะซะวะ เค็นจิมีผลงานในหลายแขนง เช่น กวี นิทาน เกษตรกรรม และวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับผลงาน การวิจัย ตัวบุคคล และความคิดตลอดทั้งชีวิตของเขา บริเวณที่เกี่ยวข้องกับมิยะซะวะตั้งอยู่บนภูเขาโคชิโอ อำเภอฮะนะมะคิ
ภายในประกอบด้วย 5 โซน ได้แก่ วิทยาศาตร์ ศิลปะ อวกาศ ศาสนา และเกษตรกรรม โดยคุณจะได้เรียนรู้จากภาพฉายบนสกรีนและเอกสารที่เกี่ยวข้อง มีจัดแสดงของรักของหวงและงานต้นฉบับให้ได้เข้าใกล้ตัวตนจริงของมิยะซะวะ มีคำอธิบายขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานและผลการวิจัย ฯลฯ เนื้อหาครบครันจนสนุกสนานกันได้แม้จะไม่ได้เป็นแฟนคลับก็ตาม
เลานจ์ชมวิวจะมองเห็นทิวทัศน์ภายในเมืองฮะนะมะคิ แถมด้านข้างร้านกาแฟยังมีมุมจำหน่ายสินค้าของฝากด้วย คุณจะซื้อสินค้าเกี่ยวกับมิยะซะวะ เค็นจิได้ที่นี่
“ลานโปรัน” มีสวนดอกไม้นันฉะและสวนดอกไม้นาฬิกาแดดซึ่งสร้างมาจากการออกแบบของมิยะซะวะ
ทั้งยังใกล้กับ “พิพิธภัณฑ์อิฮาทอฟมิยะซะวะ เค็นจิ” และ “หมู่บ้านนิทานมิยะซะวะ เค็นจิ” หากมาเยือนไปพร้อมๆ กันก็จะสามารถทำความเข้าใจโลกของมิยะซะวะได้มากขึ้นอีกขั้นแน่นอน
ขอแนะนำ “อนุสาวรีย์มิยะซะวะ” ที่ตั้งอยู่บนร่องรอยสมาคมราซุจิจินสำหรับผู้ที่ต้องการจะดื่มด่ำกับโลกของมิยะซะวะ เค็นจิให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อนุสาวรีย์มีการแกะสลักส่วนครึ่งหลังของ “อาเมะนิโมะมาเคซุ” ซึ่งมาจากการประพันธ์ของทาคามูระ โคทาโรเอาไว้ด้วย

ศูนย์การเรียนรู้ที่คุณจะได้ ""เรียนและสนุก"" กับโลกนิทานของมิยะซะวะ เค็นจิ เมื่อก้าวเข้ามาจากประตู ""สถานีทางช้างเผือก"" ก็จะพบกับโลกของมิยะซะวะ เค็นจิแผ่กว้างตรงหน้า
""โรงเรียนเค็นจิ"" แบ่งออกเป็น 5 โซนได้แก่ “ห้องโถงแห่งความมหัศจรรย์” ""อวกาศ"" ""ท้องฟ้า"" ""ผืนดิน"" และ ”น้ำ"" ใน ""ห้องผืนดิน"" จะมีแบบจำลองสามมิติของแมลง พืช และสัตว์ขนาดใหญ่ให้ชม และสามารถสัมผัสโลกจากสายตาเดียวกันกับมดได้
“ห้องเรียนเค็นจิ” มีบ้านไม้ซุงสลักสัญลักษณ์น่ารักๆ เรียงรายอยู่และจัดแสดงเกี่ยวกับ “พืช” “สัตว์” “ดวงดาว” “นก” และ “หิน” ทั้งยังมีร้านจำหน่ายสินค้าของฝากตั้งรวมอยู่ด้วย
แนะนำให้เดินเล่นในป่าบริเวณใกล้เคียงอย่าง “ฟุคุโรโนะโชเค (เส้นทางนกฮูก)” ด้วย หรือลองไปนั่งเก้าอี้ยาวที่ตั้งอยู่ตาม “โยเซโนะโชเค (เส้นทางภูติ)” รับรองว่าจะได้ฟังนิทานที่จู่ๆ ก็ดังมาจากไหนไม่รู้แน่นอน แล้วยังมี “สวนพืชป่าภูเขา” ซึ่งมีพืชป่าภูเขาที่ปรากฏอยู่ในนิทานของเค็นจิให้ได้ชมกันด้วย
ขอแนะนำช่วงเวลาเปิดไฟประดับด้วย เพราะคุณจะได้ชมโลกน่าพิศวงที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟอันอ่อนโยนนี้
ขอแนะนำให้กับครอบครัวที่พาลูกมาเพราะเด็กๆ สามารถวิ่งเล่นได้อย่างสนุกสนานในลานกว้างขนาดใหญ่!

หมู่บ้านโทโนะ ฟุรุซาโตะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จำลองหมู่บ้านชนบทของโทโนะขึ้นมาใหม่ นัมบุ มาการิยะ (บ้านโค้ง) ที่ผู้คนและม้าอาศัยอยู่ร่วมกัน ได้รับการย้ายถิ่นฐานและอนุรักษ์ไว้ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ได้รับการดูแลอย่างดีของซาโตยามะ (พื้นที่ภูเขาของหมู่บ้าน) หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้สะท้อนถึงภูมิทัศน์ชนบทในยุคโชวะตอนต้น
เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามของแต่ละฤดูกาล ตั้งแต่ดอกซากุระ ต้นไม้เขียวขจี ใบไม้เปลี่ยนสี และแม้แต่หิมะ มอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละครั้งที่คุณมาเยือน นอกจากนี้ยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ และทิวทัศน์ทางประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านก็เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน
หมู่บ้านโทโนะ ฟุรุซาโตะ มอบพื้นที่ผ่อนคลายที่ผสมผสานระหว่างทิวทัศน์ชนบทแบบดั้งเดิมและความงามตามธรรมชาติของซาโตยามะ (พื้นที่ภูเขาของหมู่บ้าน) ระหว่างเที่ยวชมนัมบุ มาการิยะ ที่ย้ายมาตั้งใหม่ คุณจะได้เพลิดเพลินกับการสนทนากับมาบูริโตะซัง และเล่นกับม้าและลูกม้าโพนี่ ให้คุณได้สัมผัสกับความอบอุ่นของผู้คนและธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของโทโนะ
หลังจากสัมผัสพลังแห่งธรรมชาติระหว่างเดินเล่นแล้ว คุณสามารถใช้เวลาพักผ่อนอย่างผ่อนคลายด้วยการกางอาหารกลางวันบนระเบียง หรือลองทำกิจกรรมสร้างสรรค์ในเวิร์กช็อป รับรองว่าคุณจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้านในญี่ปุ่นทั้งตัว
หลังจากผ่านศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้ว ป่ามาโยอิกะจะแผ่กว้างอยู่เบื้องหน้า บริเวณนี้มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับบ้านลึกลับบนภูเขาชื่อมาโยอิกะมาอย่างยาวนาน และว่ากันว่าการได้มาเยือนบ้านหลังนี้จะนำพาโชคลาภและความมั่งคั่งมาสู่ผู้ที่มาเยือน
โทโนะ โมโนกาตาริ บทที่ 63 เล่าเรื่องราวไว้ดังนี้: "วันหนึ่ง ภรรยาคนหนึ่งไปเก็บบัตเตอร์เบอร์ตามแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ไหลผ่านหน้าประตู แต่พบว่าไม่มีอะไรดีเลย เธอจึงค่อยๆ ปีนลึกเข้าไปในหุบเขา จนกระทั่งบังเอิญไปเจอบ้านหลังงามที่มีประตูสีดำ"

ตำนานของคัปปะที่ปรากฏอยู่ในโทโนะนั้นเป็นที่รู้จักกันดี "โทโนะโมโนกาตาริ" (นิทานโทโนะ) ของนักเล่านิทานพื้นบ้าน คุนิโอะ ยานางิตะ กล่าวไว้ว่า "ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นรอยเท้าคัปปะบนพื้นทรายริมฝั่งแม่น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันฝนตก"
"สระคัปปะ" ซึ่งไหลผ่านด้านหลังวัดโจเคนจิ ว่ากันว่าเป็นที่อยู่อาศัยของคัปปะ หากต้องการจับคัปปะ ให้หยิบแตงกวาแล้วไปรับ "ใบอนุญาตจับคัปปะ (220 เยน)" ที่สวนเด็นโชเอ็น ซึ่งเดินเพียงห้านาที! ด้านหลังของใบอนุญาตมี "กฎ 7 ข้อสำหรับการจับคัปปะ" ซึ่งรวมถึงคำแนะนำตลกๆ สำหรับการจับคัปปะ เช่น "จับโดยไม่ทำให้แผ่นหัวเสียหายและไม่ทำให้น้ำในแผ่นจานหก" มีคันเบ็ดให้บริการที่สระว่ายน้ำ ลองเสี่ยงโชคด้วยแตงกวาเป็นเหยื่อดูสิ!
ริมฝั่งสระคัปปะมีรูปปั้นคัปปะสององค์และศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพีแห่งน้ำนม เชื่อกันว่าหากขอพรให้หญิงตั้งครรภ์ให้นมบุตร ความปรารถนาจะเป็นจริง ตามธรรมเนียมแล้ว ให้ทำรูปเต้านมด้วยผ้าสีแดงแล้วนำไปประดิษฐานที่ศาลเจ้า
เยี่ยมชมสถานที่ใกล้เคียงที่มีบรรยากาศทางประวัติศาสตร์ เช่น วัดโจเคนจิ ซึ่งเป็นที่อยู่ของสุนัขสิงโตคัปปะ และสวนเด็นโชเอ็น ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญระดับชาติ และรับฟังเรื่องราวของดินแดนโทโนะ