เส้นทางเทคนิคแบบดั้งเดิมของช่างฝีมือและประวัติอันยาวนานของโทโฮคุ

เวลาที่จำเป็น
เวลาที่จำเป็น : 2 คืน 3 วัน
วิธีเดินทางหลัก
วิธีเดินทางหลัก : รถยนต์
แผนที่พื้นที่ 青森県 岩手県 宮城県 秋田県 山形県 福島県 新潟県

หลักสูตรนี้ให้คุณได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และงานฝีมือแบบดั้งเดิมของโทโฮคุและนีงาตะ

นอกจากจะได้สัมผัสประสบการณ์การผลิตในโทโฮคุและนีงาตะแล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงาม เช่น มัตสึชิมะ ในจังหวัดมิยางิ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น

(นิอิกะตะ - ยาฮิโกะ - สึบาเมะ, ซันโจ - มุราคามิ - ไอสึวากามัตสึ - อูราบันได - เซนได - มัตสึชิมะ, เซนได)

ญี่ปุ่นในอีกรูปแบบหนึ่ง เส้นทางขับรถสำรวจโทโฮคุ ~ทริปสำรวจสี่ฤดูกาลและประวัติอันยาวนานของโทโฮคุ~

เริ่มต้น
วันที่ 1
สถานีนีงาตะ สนามบินนีงาตะ

ศาลเจ้ายะฮิโกะ (ศาลเจ้าอิยะฮิโกะ)

“โอยะฮิโกะซามะ” เป็นพาวเวอร์สปอตเพียงแห่งเดียวของจังหวัดนิอิกะตะ

ศาลเจ้ายะฮิโกะ (ศาลเจ้าอิยะฮิโกะ)
ศาลเจ้าอิยะฮิโกะได้รับความศรัทธามาตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวกันว่ามีประวัติมานานกว่า 2,400 ปี และเป็นศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมจนมีผู้สักการะมาเยือนในวันปีใหม่กว่า 2 แสนคนเป็นประจำทุกปี
เมื่อเดินประมาณ 10 นาทีจากสถานี JR ยะฮิโกะก็จะมองเห็นป่ารอบศาลเจ้าอันยอดเยี่ยม ภายในศาลเจ้าที่มีป่าปกคลุมจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเพราะสามารถเพลิดเพลินกับป่าบำบัดและใบไม้เปลี่ยนสีได้ จึงขอแนะนำให้ไปสักการะในช่วงเช้าตรู่ที่มีคนน้อยหากต้องการจะดื่มด่ำกับบรรยากาศงดงาม
ภายในศาลเจ้ามี “หินทำนายคำอธิษฐาน” ที่เรียกว่า “โอโมคารุโนะอิชิ” ให้นึกถึงคำอธิษฐานเอาไว้ในหัวแล้วยกหิน คำอธิษฐานจะเป็นจริงหากรู้สึกเบา แต่คำอธิษฐานจะเป็นจริงได้ยากหากรู้สึกหนัก อย่าพลาดมาลองทำนายตอนมาสักการะที่นี่กันดูนะ
เมื่อเดินจากวิหารหลักเข้าไปด้านในอีกประมาณ 10 นาทีก็จะพบกับสถานีเชิงเขาของกระเช้าลอยฟ้ายะฮิโกะยามะ สามารถนั่งจากตรงนั้นไปยังสถานียอดเขาได้ บนยอดเขายะฮิโกะมีโกะชินเบียว (สุสานบูชาเทพ) ศาลเจ้าอิยะฮิโกะที่เป็นโอคุมิยะ (ศาลเจ้าทางด้านหลัง) จึงขอแนะนำให้มาสักการะที่นี่ด้วย

สัมผัสประสบการณ์สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กิจกรรมตีขึ้นรูปแก้วทรงสูงที่ทำจากทองแดงบริสุทธิ์ ฯลฯ มาสนุกเพลิดเพลินกับงานฝีมือที่เมืองสึบะเมะกัน (Creating hammered patterns on a copper beer cup etc.)

สัมผัสประสบการณ์สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แบบนายช่างมืออาชีพที่เมืองสึบะเมะ เมืองแห่งการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 400 ปี ! เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นของฝากในการท่องเที่ยวของคุณ

สัมผัสประสบการณ์สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กิจกรรมตีขึ้นรูปแก้วทรงสูงที่ทำจากทองแดงบริสุทธิ์ ฯลฯ มาสนุกเพลิดเพลินกับงานฝีมือที่เมืองสึบะเมะกัน (Creating hammered patterns on a copper beer cup etc.)
"ภาชนะทองแดงตีขึ้นรูป" เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์แปรรูปโลหะแบบดั้งเดิมของเมืองสึบะเมะ ซึ่งผลิตโดยการตีแผ่นทองแดงด้วยค้อนเหล็ก ที่พิพิธภัณฑ์วัสดุอุตสาหกรรมเมืองสึบะเมะ นอกจากจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตต่าง ๆ แล้ว คุณยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรม “ตีขึ้นรูป” ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการการทำภาชนะทองแดงตีขึ้นรูปได้อย่างง่าย ๆมาลองตีผิวแก้วน้ำทรงสูงและแก้วจอกทองแดงบริสุทธิ์ ใส่ลวดลายตีขึ้นรูปทำเป็นแก้วน้ำทรงสูงแบบออริจินัลพิเศษเฉพาะของคุณกัน ลวดลายที่เกิดจากการตีขึ้นรูปจะทำให้ผิวด้านในของแก้วไม่เรียบซึ่งจะช่วยเพิ่มการเกิดฟอง และช่วยให้คุณได้ลิ้มรสฟองเบียร์นุ่ม ! และยังมีรายการกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย

โดโจดึงเกลือปลาแซลมอน

ปลาแซลมอนฤดูใบไม้ร่วง เกลือ และรสชาติล้ำลึกที่สร้างขึ้นโดยพลังแห่งธรรมชาติเท่านั้น

โดโจดึงเกลือปลาแซลมอน
เมืองมุราคามิมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับปลาแซลมอน เนื่องจากว่ากันว่ามีวิธีปรุงปลาแซลมอนมากกว่า 100 วิธี หนึ่งในนั้นคือ ``แซลมอนเค็ม'' เป็นอาหารธรรมชาติขั้นสุดยอดที่ทำจากปลาแซลมอนและเกลือในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น ถูเกลือให้ทั่วเนื้อและนำไปสัมผัสกับลมฤดูหนาวที่หนาวเย็นและชื้นเพื่อช่วยให้สุกและสร้างผลงานชิ้นเอกที่มีรสชาติเข้มข้น
คุณสามารถลองทำปลาแซลมอนเค็มได้ที่ร้าน Echigo Murakami Sannomaru Salmon Salting Dojo ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ Iyoboya Kaikan จัดขึ้นทุกปีตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนธันวาคม เป็นที่นิยมอย่างมากทุกปีเนื่องจากคุณสามารถรับคำแนะนำอย่างระมัดระวังจากผู้เชี่ยวชาญได้
คอร์สนี้ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงในวันนั้น และปลาแซลมอนที่หมักเกลือที่โดโจจะถูกนำกลับบ้านในกล่องโฟม หลังจากนั้นจึงเสร็จสิ้นด้วยการเอาเกลือออกและทำให้แห้ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปลาแซลมอนเค็มที่คุณทำเองมีรสชาติพิเศษอย่างแน่นอนDo co dụng kelụ̄x plā sælmxn

สาเกท้องถิ่นนีงะตะระดับพรีเมียม SAKE KURA

สาเกท้องถิ่นนีงะตะระดับพรีเมียม SAKE KURA
จังหวัดนีงะตะเป็น ``แหล่งผลิตสาเก'' ที่มีโรงเหล้าสาเกมากที่สุดในประเทศ ``คุระ'' แห่งนี้เป็นที่ที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับสาเกที่คัดสรรมาอย่างดีจากโรงเหล้าสาเกทุกแห่ง
คุณสามารถเลือกยี่ห้อที่คุณชื่นชอบได้อย่างอิสระและเปรียบเทียบ Ochoko สามถ้วยในราคา 600 เยนรวมภาษี มีหลายประเภทจนเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกอันไหน แต่คุณสามารถอ้างอิงถึงหลักเกณฑ์ด้านรสชาติ เช่น ``หวาน'' และ ``แห้ง'' ที่มาพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ละชนิด หรือเลือกตาม ป้ายที่คุณชอบ
เมื่อผมลองดื่มก็พบว่าโรงเบียร์แต่ละแห่งเป็นความภาคภูมิใจของโรงเบียร์แต่ละแห่ง มันอร่อยมากจนคุณอาจจะดื่มมากเกินไป หากคุณพบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คุณชื่นชอบ คุณสามารถซื้อได้ทันที

สึกิโอะกะออนเซ็น

ออนเซ็นเสริมความงามที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิง!

สึกิโอะกะออนเซ็น
สึกิโอะกะออนเซ็นเป็นออนเซ็นไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่มีแร่ธาตุกำมะถันสูง น้ำพุร้อนกำมะถันสีมรกตสวยแปลกตาจนได้ฉายาว่า ""ออนเซ็นเสริมความงาม"" และเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง มีความอ่อนโยนต่อผิวเพราะมีค่าด่างอ่อนๆ หลังแช่จะรู้สึกว่า “ผิวเต่งตึง” และมีคุณสมบัติช่วยรักษาความชุ่มชื้นอีกด้วย
ขอแนะนำให้มาเดินเล่นช่วงเย็นๆ เพื่อชมเมืองออนเซ็นที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของกำมะถัน บ้านเมืองมีแสงไฟสว่างไสวและอาจจะได้เดินสวนกับเหล่าเกอิชาในชุดกิโมโนสวยๆ อีกด้วย ควรมาค้าง 1 คืนเพื่อให้ได้ดื่มด่ำกับเมืองออนเซ็นซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น มีที่พักหลายรูปแบบตั้งแต่เรียวกังขนาดใหญ่ไปจนถึงที่พักที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักขนาดเล็ก
ในเมืองมีร้านค้าต่างๆ อย่างร้านให้ชิมสุรา ร้านที่จะให้ทำกิจกรรมย่างและตกแต่งเซ็มเบเอง หรือร้านขนมราคาถูกตั้งกันอยู่เรียงรายจนเรียกกันว่าเป็น “เมืองออนเซ็นที่ทำให้อยากจะเดินเล่น” ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวไม่เหมือนใครอย่าง “เก็งเซ็นโนะโมริ” ให้คุณได้ชิมน้ำพุร้อนซึ่งขนานนามตนเองว่าเป็น “น้ำพุร้อนรสชาติแย่ที่สุดในญี่ปุ่น” นอกจากจะมีบ่อแช่มือที่หาได้ยากในนีงาตะแล้ว ยังมีการให้สร้างความทรงจำโดยแขวนป้ายสำหรับเข้าแช่น้ำพุร้อนที่ได้มาจากออนเซ็นหลายๆ แห่ง หรือจะไปอธิษฐานขอเรื่องความรักโดยราดน้ำลงบนรูปปั้นสำหรับราดน้ำพุร้อนก็ได้ ที่นี่จึงเป็นจุดที่กลุ่มสาวๆ ไม่ควรพลาดมาเที่ยวกันเลยทีเดียว
วันที่ 2

จุดชมวิวแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1

ทิวทัศน์อันตระการตาของฤดูกาลทั้งสี่ที่ถักทอลวดลายระหว่างแม่น้ำทาดามิอันงดงามกับเส้นทางรถไฟสาย JR ทาดามิ

จุดชมวิวแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1
รถไฟสาย JR ทาดามิ เส้นทางที่เชื่อมต่อเมืองไอสุวากามัตสึในจังหวัดฟุคุชิมะกับเมืองโคอิเดะในจังหวัดนีงาตะเข้าด้วยกัน เป็นระยะทางประมาณ 135 กม. และเป็นเส้นทางสายท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ที่สวยงามไปทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น มีมนต์เสน่ห์อยู่ที่การผสมผสานกันระหว่างทิวทัศน์ตามแนวภูเขาที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาลกับทิวทัศน์สะพานที่สร้างโดยมนุษย์ โดยเฉพาะ "สะพานข้ามแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1" ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหากเดินไต่ไปตามเส้นทางเดินเล่นข้างสถานีริมทางโอเซไคโดมิชิมะจูกุประมาณ 15 นาทีก็จะพบกับจุดชมวิว จากจุดชมวิวคุณสามารถมองลงไปที่สะพานข้ามแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1 ได้ โดยในฤดูร้อนจะสามารถมองเห็นหมอกละอองน้ำที่ลอยขึ้นจากแม่น้ำทาดามิ ในฤดูใบไม้ร่วงคุณจะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1 ถูกโอบกอดด้วยใบไม้เปลี่ยนสีและทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมขาวโพลนในฤดูหนาว ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ไต้หวันและไทย

หมู่บ้านโออุจิจูคุ

ชมสภาพของญี่ปุ่นในสมัยวันวานอันแสนสุขได้ที่นี่

หมู่บ้านโออุจิจูคุ
หมู่บ้านโออุจิจูคุเป็นเมืองสำหรับพักแรมระหว่างทาง เปิดเมื่อประมาณศตวรรษที่ 17 และได้รับเลือกให้เป็นกลุ่มอาคารที่สำคัญทางด้านวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น จากถนนที่เรียงรายไปด้วยบ้านหลังคามุงจาก คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในยุคสมัยเอโดะ และยังมีพื้นที่จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันและเตาไฟที่บ่งบอกถึงประเพณีในสมัยนั้น ให้คุณรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปในยุคนั้น
เมื่อเดินไปตามถนนสายหลัก จะพบกับประตูโทริอิของศาลเจ้าทาคาคุระ ผู้พิทักษ์หมู่บ้าน หากคุณเดินผ่านประตูโทริอินั้นไป คุณจะพบกับพื้นที่ที่เงียบสงบสำหรับการเดินเตร็ดเตร่ หากคุณขึ้นบันไดของศาลเจ้าที่ลาดสูงขึ้นไป คุณจะพบกับจุดชมวิวที่สามารถมองลงมาเห็นหมู่บ้านโออุจิจูคุได้
มีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารหลายร้านตั้งเรียงราย และในบรรดาอาหารเหล่านั้นจะมูเมนู "เนงิโซบะ" ซึ่งใช้ต้นหอมญี่ปุ่นในการรับประทานแทนการใช้ตะเกียบ จะเป็นเมนูที่มีดีทั้งรสชาติและรูปถ่ายที่ถ่ายออกมาด้วย นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆ ได้แก่ "โทจิโมจิ" ซึ่งทำจากผลเกาลัดม้าญี่ปุ่นผสมกับข้าวเหนียว และ "ชิงโกโร่” ที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่หน้าตาที่คล้ายกับขนมดังโงะซึ่งปรุงด้วยจูเน็นมิโสะ (มิโสะงาขี้ม้อน) และอื่นๆ ซึ่งการเดินไปชิมไปก็ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสนุกเช่นกัน
นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับจุดชมวิว "หน้าผาหินโทโนะเฮทสึริ" ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่น จึงอยากแนะนำให้ท่านแวะมาเยี่ยมชมไปพร้อมๆ กัน

ปราสาทสึรุกะ

ปราสาทกระเบื้องสีแดงแสนงามเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น

ปราสาทสึรุกะ
เรียกกันอีกอย่างว่า “ปราสาทไอซุ” หรือ “ปราสาทไอซุวะคะมัตสึ” เพราะในสงครามโบชินในปี 1868 ตัวปราสาทต้านทานการโจมตีอันดุเดือดของกองทหารรัฐบาลชุดใหม่ได้เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือนจนเป็นที่รู้จักกันในฉายาว่า “ปราสาทไร้พ่าย”
ปราสาทสึรุกะได้รับเลือกเป็นหนึ่งในร้อยปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่น สร้างใหม่เมื่อปี 1965 และปรับปรุงเรื่อยมา จนกระทั่งปี 2011 จึงปู ""กระเบื้องสีแดง” ที่สร้างเลียนแบบสมัยศตวรรษที่ 17 ได้เสร็จสิ้น และกลายเป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่มีกระเบื้องสีแดงให้ชม นอกจากนี้ กำแพงหินของตัวปราสาทยังรอดพ้นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1611 มาได้ ปัจจุบันจึงยังคงสภาพดีให้ได้ชมเหมือนเมื่อครั้งในอดีต
ภายในตัวปราสาทกลายเป็นพิพิธภัณฑ์และจากชั้นบนสุดจะสามารถชมทิวทัศน์ของเมืองรอบปราสาทไอซุวะคะมัตสึได้แบบสุดลูกหูลูกตาภายในสวนปราสาทสึรุกะมี “ห้องชารินคาคุ” ซึ่งกล่าวกันว่าสร้างขึ้นมาโดยโชอัน บุตรของเซ็นโนะริคิว จึงมีน้ำชาและขนมให้เพลิดเพลินกันได้ภายในสวน
ทั้งยังรู้จักกันว่าเป็นจุดชมซากุระชื่อดัง ในฤดูใบไม้ผลิซากุระกว่า 1,000 ต้นจะบานสะพรั่งเต็มสวนและช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับด้วย นอกจากจะมีการประดับไฟช่วงใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว “เทศกาลเทียนประดับภาพวาดแห่งเมืองไอซุ” ที่จัดขึ้นในฤดูหนาวก็มีวิวหิมะน่ามหัศจรรย์ที่ส่องสว่างจากแสงของเทียนไขให้ได้เพลิดเพลินกันและมีคนมาชมกันอย่างหนาแน่น

อุโบสถสะซะเอะโด

สัมผัสประสบการณ์พิศวง! สถาปัตยกรรมไม้เพียงแห่งเดียวในโลกที่มีบันไดวนสองชั้น

อุโบสถสะซะเอะโด
""อุโบสถสะซะเอะโด (หอยตาวัว)"" ได้ชื่อนี้มาเพราะรูปร่างเหมือนทรงกระบอกม้วนและมีลักษณะภายนอกเหมือนศิลปะสามมิติ สถาปัตยกรรมไม้หกเหลี่ยมสามชั้นที่มีบันไดวนสองชั้นแบบนี้มีเพียงแห่งเดียวในโลกและเป็นสิ่งก่อสร้างที่ล้ำค่ามาก ได้รับเลือกเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นเพราะรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมือนใคร
ภายในออกแบบให้ขึ้นทางลาดเอียงระหว่างชมวิวจากหน้าต่างที่เอนเอียงได้ ทางขึ้นกับทางลงเป็นแบบวันเวย์จึงจะไม่มีการเดินสวนกัน ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดถึงเกิดมาเป็นโครงสร้างแบบนี้ได้นั้นมีหลากหลายทฤษฎี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เลโอนาร์โด ดาวินชีประดิษฐ์คิดค้นได้เผยแพร่เข้ามาสู่ญี่ปุ่น หรือเจ้าอาวาสได้รับคำพยากรณ์มาจากในฝัน เป็นต้น แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยปริศนา ห้ามพลาดมาสัมผัสกับความพิศวงที่ไม่รู้เลยว่าจะกลับมาถึงประตูทางเข้าตั้งแต่ตอนไหนและความมหัศจรรย์เหมือนโลกบูดเบี้ยวนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง!
สมัยก่อนมีเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ 33 องค์และกล่าวกันว่าสามารถเดินทางมาแสวงบุญกันได้ที่นี่ เป็นสถานที่เหมือนฝันจริงๆ สำหรับบุคคลทั่วไปที่ยากจะไปแสวงบุญทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น มีเครื่องรางติดอยู่เป็นจำนวนมากและแสดงให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากแค่ไหนที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้
มีชื่อทางการว่า “เอ็นซือซังโซโด” ตั้งอยู่บนภูเขาอีโมริซึ่งขึ้นชื่อเรื่องกองทัพเสือขาว (บัคโคไต) และตั้งติดกับ “วัดอุงะชินโด” ที่มีรูปปั้นของกองทัพเสือขาว 19 นายด้วย

สัมผัสไอซึนุริ และมะคิเอะ

สัมผัสไอซึนุริ และมะคิเอะ
มากิเอะเป็นเทคนิคงานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของญี่ปุ่น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวาดภาพด้วยเครื่องเขินบนพื้นผิวเครื่องเขิน และโรยผงโลหะสีทองและเงินและผงสี ที่ร้านขายเครื่องเขินในเมืองไอสุวากามัตสึ คุณสามารถเลือกเครื่องเขินไอซุที่คุณชื่นชอบได้ เช่น ชามและกระจกมองข้าง และวาดภาพเพื่อสร้างเครื่องเขินของคุณเองได้อย่างอิสระ

ทะเลสาบอินะวะชิโระ

ทะเลสาบที่มีวิวสวยงามทุกฤดูกาล

ทะเลสาบอินะวะชิโระ
ทะเลสาบพื้นที่กว่า 100 ตร.กม. มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและใหญ่จนดูเหมือนกับมหาสมุทรอย่างไรอย่างนั้น จุดเด่นคือน้ำใสแจ๋วจนมีอีกชื่อหนึ่งว่า ""เทนเคียวโกะ"" ซึ่งหมายถึงทะเลสาบที่ใสดั่งกระจกจนสะท้อนเห็นท้องฟ้า
เสน่ห์ของทะเลสาบนี้คือมีกิจกรรมให้ทำต่างกันไปในแต่ละฤดู ในฤดูใบไม้ผลิจะสามารถชมภูเขาบันไดอันยิ่งใหญ่ได้พร้อมกับซากุระริมฝั่งทะเลสาบ ในฤดูร้อนจะได้สนุกกับการว่ายน้ำในทะเลสาบ กีฬาทางน้ำ และตั้งแคมป์ ในฤดูใบไม้ร่วงจะมีใบไม้เปลี่ยนสีสะท้อนบนผืนน้ำ ส่วนในฤดูหนาวจะมีหงส์จำนวนมากอพยพมา“ละอองน้ำแข็งตัว” ซึ่งเห็นได้เฉพาะกลางฤดูหนาวนั้นได้รับความนิยมเป็นพิเศษและมีคนมาเพื่อชมกันเป็นจำนวนมาก น้ำทะเลสาบจะถูกลมแรงพัดไปติดตามต้นไม้และแข็งตัวจนเกิดออกมาเป็นรูปร่างที่สวยงามตามธรรมชาติ นี่เป็นภาพที่เห็นได้เฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น
ริมทะเลสาบมีจุดให้ชมทิวทัศน์สวยๆ อยู่มากมาย แต่ขอแนะนำทะเลสาบอินะวะชิโระที่มองลงมาจากจุดชมวิว “โชวะโนะโมริ” เป็นพิเศษ สามารถเพลิดเพลินกับเรือนำเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ละแวกใกล้เคียงนอกจากจะมีฟาร์ม ออนเซ็น และคาเฟ่เก๋ๆ แล้ว ยังมีลานสกีให้สนุกสนานกับกีฬาฤดูหนาวอย่าง “ลานสกีอินะวะชิโระ” อีกด้วย จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเพลิดเพลินกันได้ทั้งผู้ที่ต้องการพักผ่อนสบายๆ และผู้ที่ต้องการจะทำกิจกรรมขยับร่างกาย

เพลิดเพลินไปกับอินาวาชิโระและอุระบันได

เพลิดเพลินไปกับอินาวาชิโระและอุระบันได
เพลิดเพลินไปกับอุระบันไดและทะเลสาบอินาวาชิโระ ปาฏิหาริย์แห่งธรรมชาติโกลด์ไลน์ → ทะเลสาบฮิบาระ → โกชิคินุมะ → เท็นเคียวคาคุ → ลงจอดจุดแนะนำเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันงดงามของอุระบันไดที่สร้างขึ้นด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
วันที่ 3

ทะเลสาบโกะชิกินุมะ

โลกน่าพิศวงที่รังสรรค์ขึ้นมาโดยกลุ่มทะเลสาบหลากสีสัน

ทะเลสาบโกะชิกินุมะ
""โกะชิกินุมะ (บ่อห้าสี)"" เป็นกลุ่มทะเลสาบที่เกิดจากการปะทุของภูเขาบันได แล้วได้ชื่อนี้มาเพราะสีของน้ำจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล อากาศ และมุมองศาการมอง ""โกะชิกินุมะ"" เป็นชื่อเรียกรวมของทะเลสาบหลายแห่ง เช่น บิชะมงนุมะ อะกะนุมะ มิโดะโระนุมะ ริวนุมะ เบนเทนนุมะ รุรินุมะ อะโอะนุมะ ยะกินุมะ และมีชื่อเรียกทางการคือ ""กลุ่มทะเลสาบโกะชิกินุมะ"" และได้รับหนึ่งดาวจากมิชลิน กรีนไกด์ในปี 2016
“บิชะมงนุมะ” มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและสามารถสนุกสนานกับการพายเรือเที่ยวชมได้ ในบรรดาปลาคาร์ปจำนวนมากที่แหวกว่ายอยู่นั้น มีปลาคาร์ปที่มีรูปหัวใจสีแดงอยู่ซึ่งกล่าวกันว่าถ้าหาเจอคุณก็จะได้พบกับความสุข
ทะเลสาบแต่ละแห่งจะมีลักษณะเด่นไม่เหมือนกัน เช่น “อะกะนุมะ” ที่ย้อมต้นไม้ใบหญ้าในบริเวณโดยรอบให้กลายเป็นสีแดงเพราะในน้ำมีธาตุเหล็ก หรือ “มิโดะโระนุมะ” ที่มองเห็นน้ำเป็นสามสี
“เส้นทางชมธรรมชาติทะเลสาบโกะชิกินุมะ” ซึ่งเชื่อมกลุ่มทะเลสาบนั้นเป็นเส้นทางเดินเขาที่ได้รับความนิยม จุดน่าดึงดูดอยู่ตรงการใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ และเป็นเส้นทางที่ไม่ลาดชัน หากตื่นเช้าก็จะได้ชมหมอกยามเช้าด้วย เพราะความใสแจ๋วของน้ำทำให้เราอยากจะแนะนำ “ยะกินุมะ” เป็นพิเศษด้วย
นอกจากจะมองเห็นทะเลสาบสวยๆ ได้จากจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ทุกหนทุกแห่งของกลุ่มทะเลสาบแล้ว ยังมองเห็นภูเขาบันไดซึ่งเป็นหนึ่งในร้อยภูเขาชื่อดังของญี่ปุ่นอีกด้วย

บันไดอาซึมะสกายไลน์

วิวสวยทอดยาว! มาเต็มอิ่มไปกับการขับรถเล่นใกล้ชิดท้องฟ้ากันเลย

บันไดอาซึมะสกายไลน์
เส้นทางฟรีสำหรับท่องเที่ยวบนความสูง 1,622 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่จะพาลัดเลาะไปตามภูเขาต่างๆ ของอาซึมะตั้งแต่ทะคะยุออนเซ็นไปจนถึงสันเขาสึจิยุ ทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “ร้อยอันดับถนนของญี่ปุ่น” การขับรถพลางชำเลืองมองเมฆจะทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับท้องฟ้าได้สมดั่งชื่อ “สกายไลน์”
จากพื้นที่เขียวขจีสู่เขตภูเขาไฟ วิวยาวต่อเนื่องจะเปลี่ยนไวจนตามไม่ทันฉะนั้นห้ามละสายตาไปแม้แต่ขณะเดียว ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ประจำฤดูกาลอย่าง “กำแพงหิมะ” ที่จะชมได้เฉพาะระยะเวลาสั้นๆ ในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
ระหว่างทางจะได้ชมแปดวิวสวยแห่งอาซึมะ (ยอดเขาชิราคาบะ หุบเขาสึบาคุโระ สวนเท็งงุ โจโดไดระ โซริวโนะสึจิ สันเขาอุมิมิ เทมปูเคียว ภูเขาคุนิมิได) ซึ่งตั้งชื่อโดยนักประพันธ์ชื่ออิโนะอุเอะ ยาซุชิ จุดที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษคือสะพานฟุโดซาวะของหุบเขาสึบาคุโระ ทิวทัศน์จากสะพานที่เหมือนกับลอยอยู่กลางอากาศนั้นมีความสวยงามหาที่ใดเปรียบไม่ได้
โจโดไดระมีอาคารสำหรับพัก ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และหอดูดาว ทั้งยังเป็นจุดเริ่มของการปีนเขา “อาซึมะโคฟุจิ” ด้วย ไม่ควรพลาดชมปากปล่องภูเขาไฟที่คุ้นเคยกันในชื่อว่า “โอะคะมะ” เชิญลองมาพิสูจน์ด้วยตาของตนเองกันให้ได้ ส่วน “ภูเขาอิซไซเคียว” เป็นภูเขาไฟมีพลังและจะมีควันพวยพุ่งออกมาให้ได้ชมกัน
สกายไลน์จะปิดในฤดูหนาวดังนั้นต้องตรวจสอบก่อนมาเสมอ

การเก็บผลไม้

การเก็บผลไม้
ทางตะวันตกของเมืองฟุกุชิมินั้น มีสวนผลไม้ทอดยาวตลดเส้นทางหมายเลข 5 จึงเป็นสถานที่ที่รู้จักกันในชื่อ "ฟรุตไลน์" เส้นทางผลไม้

ฮานามิยามะ

"ดอกพีชฤดูใบไม้ผลิ" แห่งฟุคุชิมะ

ฮานามิยามะ
"หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในจังหวัดฟุคุชิมะ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก
ช่างภาพผู้ล่วงลับ อะกิยามะ โชทาโร่ ได้เรียกที่นี่ว่าเป็น "ดอกพีชฤดูใบไม้ผลิแห่งฟุคุชิมะ" และได้แนะนำให้รู้จักไปทั่วประเทศญี่ปุ่น จนเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองฟุคุชิมะพื้นที่ในแถบนี้เต็มไปด้วยเกษตรกรผู้ปลูกไม้ดอก หนึ่งในนั้นมีความต้องการที่จะให้สวนฮานามิยามะกลายเป็นสวนที่ "อยากให้ใครหลาย ๆ คนได้มาเห็นดอกไม้ที่สวยงาม" โดยครั้งแรกที่เปิดสวนให้คนทั่วไปได้เข้าชมในปี ค.ศ. 1959 นั้นยังเป็นพื้นที่ของเอกชนอยู่ จากนั้นก็ได้รับการดูแลจากเจ้าสวนคนแรก และได้สืบทอดส่งต่อมาเรื่อย ๆ จากรุ่นสู่รุ่น
ภูมิทัศน์ที่สวยงามของสวนฮานามิยามะและบริเวณโดยรอบนั้น ถักทอไปด้วยทุ่งดอกไม้และต้นไม้หลากสีสัน ลำธารใสสะอาด และภูมิทัศน์ดั้งเดิมของหมู่บ้านของเกษตรกรผู้ปลูกต้นไม้ดอกไม้ในเขตวาตาริของเมืองฟุคุชิมะเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้เกือบ 70 สายพันธุ์ เช่น ดอกบ๊วย ดอกท้อ ดอกซากุระ ดอกแคนารี ดอกควินซ์ญี่ปุ่น และดอกแมกโนเลีย ฯลฯ จะแข่งกันออกดอกบานสะพรั่ง จนเห็นเป็นภาพของทุ่งดอกไม้ของเกษตรกร และภูเขาโดยรอบถูกย้อมเป็นสีชมพูอ่อนไปทั่วบริเวณในวันที่อากาศแจ่มใส สามารถมองเห็นเทือกเขาอาซุมะ และเทือกเขาอะดาทาระเมื่อหิมะที่ตกลงมาบนภูเขาอาซุมะ-โคะฟูจิเริ่มละลาย จะมองเห็นหิมะที่เหลืออยู่บนพื้นผิวของภูเขาเป็นรูปกระต่าย จึงสามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของ "กระต่ายหิมะแห่งภูเขาอาซุมะ" ได้อีกด้วยนอกจากนี้ เมื่อด้านบนของภูเขา เมื่อมองลงไปด้านล่างจะเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองฟุคุชิมะอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่แผ่กว้างออกไปและภายในสวนยังมีกลุ่มของไกด์อาสาสมัคร "คนแนะนำดอกไม้ฟุคุชิมะ" คอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับดอกไม้ชนิดต่าง ๆ
*ฤดูซากุระ (ปลายเดือนมีนาคม - กลางเดือนเมษายน) จะมีการจำกัดการจราจรในพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดความแออัดของการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าว โปรดใช้ลานจอดรถชั่วคราว (บริเวณสวนน้ำอาบุคุมะชินซุย) หรือที่จอดรถแบบเสียเงินโดยรอบสถานี Fukushima และใช้บริการรถบัสชั่วคราวสาย "Hanamiyama-go"

พิพิธภัณฑ์มิยางิ ซาโอ้ โคเคชิ

พิพิธภัณฑ์มิยางิ ซาโอ้ โคเคชิ

พิพิธภัณฑ์มิยางิ ซาโอ้ โคเคชิ
สัมผัสความสุขแห่งการสร้างประวัติศาสตร์ที่บ้านของตุ๊กตาโคเคชิแบบดั้งเดิมของมิยางิโทกัตตะออนเซ็นเป็นแหล่งกำเนิดของตุ๊กตาโคเคชิในจังหวัดมิยางิ นอกจากประเภทโทงัตตะแล้ว ยังมีการจัดแสดงตุ๊กตาโคเคชิแบบดั้งเดิมและของเล่นไม้จากหกจังหวัดของโทโฮคุอีกด้วย นอกจากการจัดแสดงคุณลักษณะของแต่ละเชื้อสายในลักษณะที่เข้าใจง่ายแล้ว คุณยังสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและประวัติความเป็นมาของความสำเร็จ เรียนรู้เกี่ยวกับการสาธิตของช่างฝีมือ และสัมผัสประสบการณ์การวาดภาพตุ๊กตาโคเคชิ

เซนได (ลิ้นวัว)

เซนได (ลิ้นวัว)
เซนไดเป็นแหล่งกำเนิดของลิ้นเนื้อย่าง
ในปี 1948 ร้านอาหารแห่งแรกที่เชี่ยวชาญเรื่องลิ้นเนื้อย่างได้เปิดขึ้น และจากที่นั่นก็ขยายไปทั่วประเทศ ตอนนี้รสชาติได้รับการยอมรับอย่างมั่นคงว่าเป็น ``อาหารพิเศษของเซ็นได'' ปัจจุบันมีการกล่าวกันว่ามีร้านค้าเฉพาะทางประมาณ 100 แห่งในเมืองเซนได ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร้านดังกล่าวได้รับความนิยมเพียงใด คุณสามารถสั่งลิ้นเนื้อย่างแยกกันได้ แต่รายการมาตรฐานคือ ``ชุดลิ้นวัวย่าง'' ซึ่งเป็นชุดลิ้นเนื้อย่าง ผักกาดขาวดองเล็กน้อย แตงกวา พริกเขียวดองมิโซะ ข้าวบาร์เลย์ และซุปหาง แม้ว่าเมนูจะเหมือนกัน แต่ร้านอาหารพิเศษแต่ละร้านก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เช่น ส่วนของลิ้นวัวที่ใช้และวิธีการเตรียม

ซากปราสาทเซนได

ปราสาทอันโด่งดังที่สร้างขึ้นบนภูเขาอาโอบะ

ซากปราสาทเซนได
ปราสาทเซนได (ปราสาทอาโอบะ) เป็นที่ประทับของโคคุ 620,000 ตัวของดาเตะ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นบนป้อมปราการธรรมชาติที่มีความสูงประมาณ 130 เมตร ล้อมรอบด้วยหน้าผาทางทิศตะวันออกและทิศใต้ ว่ากันว่าหอคอยปราสาทไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงคำเตือนของโชกุน อิเอยาสุ โทกุกาวะ น่าเสียดายที่ปราสาทได้หายไปแล้ว และป้อมปืนด้านข้างที่สร้างขึ้นใหม่ก็เป็นสิ่งเตือนใจถึงยุคอดีต หากคุณยืนอยู่หน้ารูปปั้นขี่ม้าของเจ้าชายมาซามุเนะ คุณสามารถมองออกไปเห็นเมืองเซนไดจากมุมมองเดียวกับมาซามุเนะผู้หลงใหลในการพิชิตโลก
ที่หอนิทรรศการและวัสดุปราสาทอาโอบะ คุณสามารถชมปราสาทอาโอบะที่ได้รับการบูรณะใหม่โดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์สถานทางวรรณกรรมของดอยบันซุย กวีที่มีความเกี่ยวข้องกับเซนไดอยู่บริเวณรอบๆ ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2546 ได้รับการกำหนดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ
พื้นที่ทั้งหมดของซากปราสาทปัจจุบันคือสวนสาธารณะอาโอบายามะ และจากซากปราสาทคุณสามารถมองเห็นเมืองเซนไดและมหาสมุทรแปซิฟิกได้ ด้านหน้ารูปปั้นทองสัมฤทธิ์ดอยบันซุย การแสดง "โคโจ โนะ ซึกิ" อัตโนมัติจะเล่นทุกๆ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น. จากหอคอยปราสาท คุณสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเซนได เมืองที่มีประชากรหนึ่งล้านคน
*โปรดตรวจสอบเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ฯลฯ เพื่อดูข้อมูลล่าสุด

อ่าวมัตสึชิมะ (สี่จุดชมวิว (ชิไดคัง) : โอทากาโมริ, โทมิยามะ, ทามนซัง, โอกิดานิ)

ถ้าจะชมวิวสวยของมัตสึชิมะล่ะก็ต้องมาที่นี่เลย!

อ่าวมัตสึชิมะ (สี่จุดชมวิว (ชิไดคัง) : โอทากาโมริ, โทมิยามะ, ทามนซัง, โอกิดานิ)
มัตสึชิมะถือเป็นหนึ่งในสามวิวที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นร่วมกับ ""อะมะโนะฮะชิดะเตะ"" ที่เกียวโตและ ""มิยะจิมะ"" ที่ฮิโรชิมะ อ่าวมัตสึชิมะมีเกาะน้อยใหญ่อยู่ถึง 260 เกาะ จุดที่ขึ้นชื่อเรื่องการชมเกาะเหล่านั้นจะเรียกว่า ""สี่จุดชมวิว"" โดยแต่ละจุดตั้งชื่อเพื่อแสดงถึงความประทับใจของวิวเหล่านั้น
“วิวสง่างาม โอทากาโมริ” บนความสูง 105.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลที่จะมองเห็นอ่าวมัตสึชิมะจากฝั่งตะวันออก จากยอดเขาจะมองเห็นวิวแบบพาโนรามา 360 องศาและยังมองเห็นวิวหุบเขาสางะกับทิวเขาซะโออยู่ไกลๆ อีกด้วย เป็นจุดที่อ่าวมัตสึชิมะจะดูสวยงามเหมือนสวนจำลองขนาดเล็ก
“วิวสวยงาม โทมิยามะ” บนความสูง 116.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลซึ่งอยู่สูงที่สุดในบรรดาสี่จุดชมวิว “วัดไดเกียวจิ” บนยอดเขามี “เจ้าแม่กวนอิมแห่งโทมิยามะ” อยู่และคุณสามารถชมวิวมัตสึชิมะได้จากสวนอันมีเสน่ห์งดงามนี้
“วิวน่าประทับใจ ทามนซัง” บนความสูง 55.6 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ได้ชื่อนั้นมาจากวิวที่สวยงามตระการตา ทั้งยังมองเห็นท่าเรือชิโอะงามะและเรือที่สวนกันไปมาก็จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามได้มากยิ่งขึ้นด้วย
“วิวน่าหลงใหล โอกิดานิ” บนความสูง 55.8 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและเป็นจุดที่เลื่องชื่อเรื่องมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆ ด้วย สามารถชมวิวมัตสึชิมะได้แบบพาโนรามา และทางเข้าของอ่าวดูเหมือนพัด (โอกิ) ตามชื่อของสถานที่
หลังจากดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ของมัตสึชิมะที่สี่จุดชมวิวแล้วก็ขอแนะนำให้นั่งเรือนำเที่ยวพาตระเวนไปตามเกาะต่างๆ ซึ่งการได้สัมผัสกับนกนางนวลก็จะกลายเป็นความทรงจำที่ดีในการเดินทางเช่นกัน
สถานีเซนได สนามบินเซนได
จุดหมายปลายทาง
  • ศาลเจ้ายะฮิโกะ (ศาลเจ้าอิยะฮิโกะ)
  • สัมผัสประสบการณ์สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กิจกรรมตีขึ้นรูปแก้วทรงสูงที่ทำจากทองแดงบริสุทธิ์ ฯลฯ มาสนุกเพลิดเพลินกับงานฝีมือที่เมืองสึบะเมะกัน (Creating hammered patterns on a copper beer cup etc.)
  • โดโจดึงเกลือปลาแซลมอน
  • สาเกท้องถิ่นนีงะตะระดับพรีเมียม SAKE KURA
  • สึกิโอะกะออนเซ็น
  • จุดชมวิวแม่น้ำทาดามิหมายเลข 1
  • หมู่บ้านโออุจิจูคุ
  • ปราสาทสึรุกะ
  • อุโบสถสะซะเอะโด
  • สัมผัสไอซึนุริ และมะคิเอะ
  • ทะเลสาบอินะวะชิโระ
  • เพลิดเพลินไปกับอินาวาชิโระและอุระบันได
  • ทะเลสาบโกะชิกินุมะ
  • บันไดอาซึมะสกายไลน์
  • การเก็บผลไม้
  • ฮานามิยามะ
  • พิพิธภัณฑ์มิยางิ ซาโอ้ โคเคชิ
  • ซากปราสาทเซนได
  • อ่าวมัตสึชิมะ (สี่จุดชมวิว (ชิไดคัง) : โอทากาโมริ, โทมิยามะ, ทามนซัง, โอกิดานิ)

ผู้ที่ดูหน้านี้ก็ดูหน้าเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

2 คืน 3 วันในสึกิโอกะออนเซ็น [Base! โทโฮคุ]
ดูข้อมูลพื้นฐาน